นั่งรถไฟไป เดินป่าหน้าฝน ขึ้นยอด ย.4 ดอยขุนตาน

เดินป่าหน้าฝน ดอยขุนตาน หลายคนน่าจะมีความทรงจำดีๆกับการนั่งรถไฟข้ามคืนจากกรุงเทพฯ เพื่อไปเดินป่า กางเต็นท์นอนที่ดอยขุนตาน และสำหรับการเดินทางจากเชียงใหม่ ก็ใช้เวลาเพียง 1 ชั่วโมงครึ่ง โดยขึ้นรถไฟที่สถานีรถไฟเชียงใหม่ ขบวนแรก 102 รอบเวลา 6:30 น. ขบวนรถไฟผ่านสถานีลำพูน แล่นข้ามสะพานขาวทาชมพู ก่อนมาจอดเทียบชานชาลาที่สถานีขุนตาน สับรางรอรถไฟเที่ยวขบวนขึ้นเชียงใหม่ บรรยากาศยามเช้าของวันที่ท้องฟ้าเป็นสีขาว ไร้แสงแดดลอดผ่าน และมีฝนพรำปรอยๆตลอดตั้งแต่คืนวาน

การเดินป่าครั้งนี้ เราตั้งใจมาเดินตากฝนอยู่แล้ว สภาพอากาศที่เย็นสบายจึงไม่ใช่อุปสรรคที่จะมายื้อยุดไม่ให้เรากระเด้งตัวลุกจากที่นอน ความจริงเราตื่นก่อนนาฬิกาปลุกเสียด้วยซ้ำ

เรานัดแนะสมาชิกกลุ่มเดินป่าวันเสาร์ที่ สถานีรถไฟเชียงใหม่ ในตอนแรกเราว่าจะมาเดินคนเดียว แต่สภาพอากาศแบบนี้ คงทำให้เราเหงาและวังเวงไม่น้อย สมาชิกมาร่วมเดิน 8 คน หนึ่งในนั้นก็อยากมาเดินเพื่อย้อนความทรงจำของวันวาน จึงทำให้บรรยากาศดูครื้นเครง มีการพูดคุยหยอกล้อสนุกสนานให้หายเหนื่อย

สำหรับดอยขุนตาน ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 4 และการกลับมาทุกครั้ง ความรู้สึกประทับใจของเราก็ยังไม่จางหาย

สุนัขหลายตัวบริเวณสถานี ก็มายืนรอกระดิกหางให้การต้อนรับอยู่ที่ชานชาลารถไฟ นี่ก็เป็นอีกหนึ่งของความประทับใจ พวกเขาทำหน้าที่เป็นเจ้าบ้านรุ่นต่อรุ่น มีการจัดทีมนำทาง ร่วมเดินไปกับพวกเราทั้งขาไปและกลับ

คนที่มาเดินป่าคงได้รับความรู้สึกดีๆนี้กลับไปเป็นความทรงจำ ส่วนค่าตอบแทนที่พวกเรามีให้ ก็เป็นอาหารที่เราห่อเตรียมกันไปกินข้างบน ดูพวกเขาอิ่มเอมกันเลยทีเดียว

หลังมื้อเช้าที่ร้านค้าบริเวณสถานีฯ ก็เริ่มเดินฝ่าสายฝนปรอยๆ ไปตามทางราว 1.2 กม. ก่อนถึงที่ทำการอุทยานฯ และซื้อตั๋วคนละ 20 บาท ภายบริเวณที่ทำการ จะมีลานกางเต็นท์ บ้านพัก และสำนักงานให้บริการนักท่องเที่ยว


สำหรับใครที่พกหนังสือเดินทางท่องเที่ยวอุทยานฯ ทั่วไทย ลักษณะคล้าย Passport ก็อย่าลืมนำไปให้ จนท. ประทับตรา เพื่อเก็บความทรงจำ ว่าเรามาถึงขุนตานแล้วนะ หากใครไม่มี และอยากเก็บความประทับใจ ที่อุทยานฯ ก็มีจำหน่าย มีจุดเช็คอินด้วยนะเป็นเส้นแบ่งเขตระหว่างจังหวัดลำพูนกับลำปาง

จากหน้าสำนักงาน เราเดินต่อขึ้นไปอีกราว 2 กม. เพื่อไปยังปากทางเข้าเส้นทางศึกษาธรรมชาติ ย.1 – ย.4

จะเดินไปตามถนนที่ต้องอ้อมโค้งและเป็นทางชัน หรือจะตัดลัดเข้าเส้นทางเดินเท้าเพื่อร่นเวลาก็ได้ (จะมีป้ายบอกเป็นระยะ) แต่สุนัขสีน้ำตาลสองตัวที่นำทาง เขามักจะมายืนดักรอเราบริเวณเส้นทางเดินเท้า ประมาณอยากบอกกับเราว่า “ พวกคุณต้องมาทางนี้ จะใกล้กว่านะ”

เมื่อมาถึงปากทาง ก็จะมีป้อมเพื่อลงชื่อ จำนวนคน มาพักแรมหรือไปกลับ จะเดินไปถึงจุดไหน เพื่อง่ายต่อการติดตามค้นหาและช่วยเหลือในยามเกิดเหตุไม่คาดฝัน

จาก ย.1 ไปจนถึง ย.2 บริเวณนี้มีจุดกางเต็นท์พักแรมบนสวนสน มีห้องน้ำให้บริการ แต่ไม่มีขยะนะครับ เพราะว่า “เราจะไม่ทิ้งอะไรไว้ที่นี่ นอกจากความทรงจำ“ นักท่องเที่ยวควรนำขยะลงไปทิ้งข้างล่างในบริเวณที่อุทยานฯจัดเตรียมไว้ให้ จุดชมทิวทัศน์ ครั้งนี้มองไม่เห็นอะไรเลย เพราะฟ้าปิดเป็นสีเทาทั้งผืนฟ้า

สายฝนตกเทลงมาหนักเบาไม่ขาดสาย รองเท้า เสื้อผ้า หน้าผม เปียกชุ่มฉ่ำ อุณหภูมิความร้อนในตัวที่ขับออกมาเป็นเม็ดเหงื่อชุ่มชอุ่มไปทั่วตัว จึงเปียกทั้งฝนและเหงื่อของตัวเอง

จาก ย.2 ไปจนถึง ย.3 บ้านพักมิชชันนารี เราหยุดพักกันที่นี่ชั่วครู่ก่อนเดินต่อขึ้นไปยัง ย.4 เป็นหมุดหมายปลายทางของพวกเราในทริปนี้


พวกเราหยุดพักกินข้าวเที่ยงกันที่ศาลาก่อนทางขึ้นเนินวัดใจ เพื่อเติมพลังเติมแรงไปวัดใจ ยิ่งเดินขึ้นมาที่สูง ฝนก็ยังตกโปรยปราย และมีลมพัดกรรโชกมาเป็นระยะ พอถอดเสื้อกันฝนออกเท่านั้นล่ะ อุณหภูมิความร้อนที่กักไว้หายไป สายลมแล่นปะทะเข้าลำตัวจนแทบจะหนาวสั่น บางคนต้องพึ่งผ้าห่มฉุกเฉินให้คลายหนาว “นิ่งเป็นสั่น ขยับเป็นอุ่น” ส่วนไกด์นำทาง (สุนัขสองตัว) ก็รอร่วมรับประทานมื้อกลางวันอย่างใจจดใจจ่อ อิ่มเอมกันแล้ว เราก็เดินฝ่าสายฝนขึ้นไปจนถึงป้าย “เนินวัดใจ” เพื่อก้าวต่อขึ้นไปยังจุดสูงสุดของดอยขุนตาน ความหนาวไม่สามารถหยุดความตั้งใจของพวกเราได้ เราเดินก้มหน้าก้มตาก้าวเท้าไปตามแรงและกำลังที่มี

สายฝนที่ทิ่มแทงตามันทำให้จั๊กจี้คล้ายแมลงบินตอมหน้าตอมตาชวนน่ารำคาญ เรามาถึงยอดดอยด้วยความเบิกบานใจ สงบและปริ่มสุข (ความรู้สึกที่เกิดขึ้นภายใจขณะนั้น) แม้ว่าบรรยากาศจะปกคลุมไปด้วยสีเทา สายฝน สายลมพักเทกระหน่ำ ธงชาติที่ปักบนยอดปลิวสะบัดจนขาดวิ่น

พวกเราใช้เวลาเก็บเกี่ยวความทรงจำกันที่นี่อยู่ชั่วครู่ ด้วยเพราะพื้นที่ไม่มีที่หลบฝนและอีกอย่าง เราต้องรีบเดินลงไปให้ทันเวลาของรถไฟขาขึ้นเชียงใหม่ รอบ 18:20 น.

จากเริ่มเดินลงจากยอดดอยตอนบ่าย 2 เดินบ้าง หยุดพัก ก็มาถึงบริเวณปากทางเข้าที่ทำการ สำนักงานปิดทำการแล้ว บรรยากาศโพล้เพล้ เรารีบเดินจ้ำๆ เพราะกลัวไม่ทันขบวนรถไฟ ปรากฏว่า เราลงมาถึงตามเวลาที่กำหนดพอดีคือ 5โมงกว่าๆ จึงมีเวลานั่งพัก นั่งเล่นที่สถานีเพื่อรอรถไฟมาเทียบขบวน

ชุดที่เปียกชื้นเริ่มทำให้หนาว บวกกับอากาศยามเย็น ใครที่มาเดินป่าหน้าฝน จึงควรเตรียมชุดแห้งมาเปลี่ยน และรองเท้าแตะอีกสักครู่ เพราะขบวนเที่ยวขึ้นเชียงใหม่ เลขขบวนที่ 7 ก็ดันเป็นรถปรับอากาศเสียด้วย และเสื้อกันฝนก็พอช่วยให้ร่างกายอบอุ่นขึ้นได้มาก กลับมาถึงเชียงใหม่สองทุ่มกว่า ฝนตกเทกระหน่ำต้อนรับอย่างเมามัน สรุปเราเปียกกันเช้ายันค่ำ

สรุป Trip นั่งรถไฟไป เดินป่าหน้าฝน ขึ้นยอด ย.4 ดอยขุนตาน

  • จุดสูงสุดยอดดอยขุนตาน ย.4 มีความสูง 1,375 เมตร จากระดับน้ำทะเล
  • ระยะทางเดินจากสถานีรถไฟไปยังยอดดอย ไปและกลับ รวม 14 กม.
  • เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ ย.1 – ย.4 มีจุดสูงชันบางช่วง มีจุดนั่งพักเป็นระยะๆ ระยะทาง ไปกลับ 10 กม.
  • บริเวณ ย.2 มีลานสน สำหรับเพื่อนๆที่ต้องการมากางเต็นท์ค้างแรม มีห้องน้ำบริการ
  • ขยะที่ติดตัวขึ้นมา ต้องนำลงไปทิ้งข้างล่าง ข้างบนจะไม่มีจุดทิ้งขยะ

การเดินทาง เชียงใหม่-ขุนตาน -รถไฟเที่ยวล่อง รถเร็วขบวน 102รอบแรกจากสถานีเชียงใหม่ ออกเวลา 06:30 น. ถึง ขุนตาน เวลา 07:35 น. -รถไฟขาขึ้นเชียงใหม่ รถด่วนพิเศษ มาถึงขุนตาน เวลา 18:22 น.

ประวัติความเป็นมาของ อุโมงค์ขุนตาน

มีความยาว 1,352 เมตร เริ่มเจาะอุโมงค์ในปี พศ. 2450 โดยเจาะทั้งสองฝั่งของภูเขา ด้วยวิธีการขุดเจาะ ใช้ความร้อน และการระเบิด ควบคุมโดยวิศวกรชาวเยอรมันฯ แรงงานที่ใช้เป็นกลุ่มคนเร่ร่อน นักแสวงโชค คนขี้เหล้า ติดฝิ่น ผอมแห้งแรงน้อย ที่ต้องการหาเงินไปซื้อฝิ่น โดยใช้เวลาในการขุดเจาะ 8 ปี เสร็จสิ้นในปี พ.ศ 2461 จึงเริ่มวางเหล็กทางรถไฟ และเปิดให้รถไฟขบวนแรกแล่นผ่านได้ใน ปี พศ. 2468

รีวิวเส้นทางเดินป่าน่าสนใจอื่นๆ

Relate Posts :