เดินป่าเชียงใหม่ เปิดพิกัดนาขั้นบันได บ้านแม่ตะละเหนือ

เดินป่าเชียงใหม่ เปิดพิกัดนาขั้นบันได – ทริปนี้แอดตื่นเต้นมาก เพราะเป็นการเดินทางไกลไปต่างอำเภอถึง กัลยาณิวัฒนา เลยทีเดียว การเตรียมกระเป๋าจึงเป็นเรื่องสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะไปไกลและต้องเข้าป่าไปอีก วู้ววว.. แค่คิดก็ตื่นเต้นแล้ว และจะต้องไปนอนค้างอีกหนึ่งคืนด้วย ว่าแล้วก็ไปเก็บกระเป๋ากัน

ทริปนี้ต้องนั่งรถสองแถวออกนอกเมืองเชียงใหม่ ไปเดินป่าหน้าฝนในหมู่บ้านกลางหุบเขา บ้านแม่ตะละเหนือ อยู่อำเภอกัลยานิวัฒนา ก่อนถึงวัดจันทร์ 40 กม. เป็นหมู่บ้านที่มีประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวปกากะญอ ส่วนที่บ้านแม่ตะละจะเป็นชาวม้ง

บ้านแม่ตะละเหนือ เดิมทีอยู่ในเขตอำเภอแม่แจ่ม ปัจจุบันอยู่ในเขตอำเภอกัลยานิวัฒนา มีป่าที่อุดมชุ่มชื่นและชุ่มชื้น เพราะเป็นที่ลุ่ม มีลำธารและน้ำตกที่ไหลมาจากต้นน้ำแม่ตะละไหลลงสู่แม่แจ่มและแม่ปิง หมู่บ้านเล็กๆ ที่มีภูมิประเทศเป็นภูเขาล้อมรอบ ชาวบ้านในพื้นที่มีอาชีพทำนาขั้นบันได โดยใช้แรงกายขุดแทนเครื่องจักร ระหว่างที่เดินเราจึงเพลิดเพลินไปกับป่าเขา ลำธารน้ำตก และทิวทัศน์ของนาขั้นบันได ช่วงฝนตกปรอยๆ บรรยากาศสวยสุดๆ อ่อ และก็มีน้องทากในบางจุดด้วยนะ

สำหรับเพื่อนๆ ที่กลัวทาก ก็ควรพกยากันทากหรืออุปกรณ์ป้องกันทาก เพื่อกันน้องทากขอโดยสารติดออกมากับเรา

ใช้เวลาในการเดินทางราว 4 ชั่วโมง ด้วยรถโดยสารสองแถวประจำทาง เชียงใหม่-วัดจันทร์ (รถสีเหลือง) ไปขึ้นรถที่สถานนีขนส่งช้างเผือก มีเพียง 2 รอบ คือรอบ 9 โมงเช้า และ 11 โมงเช้า ค่าโดยสารคนละ 150 บาท (คล้ายกับนั่งรถไปอำเภอปาย)

รถออกจากสถานีวิ่งไปตามถนนโชตนา 107 เลี้ยวซ้ายตัดเข้าทางหลวงหมายเลข 1096 แม่ริม-สะเมิง ผ่านแหล่งท่องเที่ยวหลายแห่ง อาทิเช่น คุ้มเสือ ฟาร์มจรเข้ หมู่บ้านกระเหรี่ยงคอยาว น้ำตกแม่สา สวนพฤกษ์ศาสตร์ฯ ม่อนแจ่ม ปางช้าง สวนแมลง บลาๆๆ เรียกว่ามาเส้นนี้ จะได้เจอทั้ง ช้าง เสือ งู จรเข้ แมลง ไปเลี้ยวขวาตัดเข้าทางหลวงหมายเลข 1296 หางดง-สะเมิง ที่มาจากแยกหนองควาย และระหว่างทาง เราก็จะเห็น วัวและกระบือ ยืนกินหญ้าริมทางเป็นระยะๆก่อนจะเข้าสู่ตัวอำเภอสำเมิง

รถจะจอดพักที่ตลาดเทศบาลตำบลสะเมิงใต้ 25 นาที ระหว่างนี้ใครอยากเข้าห้องน้ำ ก็สามารถไปใช้ได้ที่หลังตลาด ในตลาดก็จะมีของกินให้เลือก แต่แอดสังเกตเห็นว่า มีร้านกล้วยทอด มันทอด และกระบองทอด ทำจากฟักทองหั่นเป็นเส้นคล้ายมันฝรั่งทอด มีรสอร่อยเค็มๆมันๆ หวานฟักทอง เจือเผ็ดนิดหน่อยให้ลิ้นสะดุ้ง เป็นอาหารว่างของทางภาคเหนือ

ออกจากจุดพักรถ ตัดเขาทางหลวงสาย 1349 ที่มุ่งหน้าสู่วัดจันทร์ ระยะทางราว 90 กม. เป็นอีกเส้นทางที่เรียกว่าสวยและโรแมนติกสุดๆ เป็นถนนลาดยางตลอดสาย ทิวทศน์สองข้างทงสวยงาม ทั้งป่าเขาและแนวต้นสน ระหว่างทางเราจึงเห็นนักเดินทางประเภททัวร์ริ่ง โดยเฉพาะช่วงฤดูหนาว

ก่อนถึงวัดจันทร์ 40 กม. รถจอดให้ลงบริเวณปากทางเข้าหมู่บ้าน บรรยากาศแบบชนบท มีร้านสะดวกซื้อของชาวบ้านอยู่ริมทาง ไกด์ที่จะพาเดินป่า ขับรถออกมายืนรอรับก่อนจะพาไปกินมื้อเที่ยงที่ “เหยียบเมฆา” จุดนี้เป็นจุดชมวิวที่สวยมีนักเดินทางมักมาจอดพักกินข้าว ชมวิว ถ่ายรูป ไร่สตรอว์เบอร์รี่ และก็มีที่พักไว้บริการทั้งมาแบบเป็นกลุ่มหรือเป็นคู่ เหงาๆมาคนเดียวก็พักได้ ไกด์บอกเราว่าจุดนี้เป็นประตูสู่วัดจันทร์

หลังมื้อเที่ยงจึงเริ่มออกเดินทางไปเดินป่าในชุมชน ใช่เพราะป่านี้เป็นป่าล้อมรอบหมู่บ้าน เราจึงเดินผ่านสวน ไร่ นา สลับป่าสมบูรณ์ และต้องเดินลุยน้ำข้ามลำห้วย (ควรมีรองเท้ามาเปลี่ยนถ้าไม่อยากให้รองเท้าเปียก)

ไกด์บอกเราว่ามี 2 เส้นทางเดินป่า คือ A ระยะทาง 5 กม. และ B ระยะทาง 8 กม. ส่วนวันนี้เราเลือก A เพราะจำกัดเรื่องของเวลา เพราะแค่เดินป่า ทำกิจกรรมแวะชมนั่นชมนี่ ไม่รวมติดฝนในกระท่อมริมนา และไปนั่งชิมชาที่ต้มในกระบอกไม้ไผ่ ก็ปาไปร่วม 5 ชั่วโมง ก่อนกลับ ไกด์เรายังเก็บผักกาดดอยที่ปลูกริมกระท่อม นำไปประกอบอาหารสำหรับเย็นนี้ เป็นผักปลอดสาร อาหารการกินก็มีตามฤดูกาล

จากนาขั้นบันได เราต้องเดินเข้าหมู่บ้าน ทางเดินค่อนข้างชัน ชันมาก เป็นถนนคอนกรีต เรียกว่าทำให้แอดได้ใช้ระบบหายใจเต็มที่ ท่ามกลางสายฝนโปรยปราย ไม่อยากเรียกว่าโรแมนติกเลย แต่มันจำเป็นต้องเรียกแบบนี้ ไม่อยากนึกเลยว่าเมื่อก่อนที่ยังเป็นทางดิน การคมนาคมจะยากกว่านี้แค่ไหน

กลับถึงที่พัก “ยังคงดอย” หัวเปียกคล้ายลูกวัวเพิ่งคลอด จัดเก็บสัมภาระ น้ำไม่ต้องอาบเพราะอากาศค่อนข้างเย็นชื้น และน้ำก็เย็นฉ่ำ คนขี้หนาวคงไม่ชอบสิ่งนี้ จัดแจงสัมภาระ ทำตัวให้แห้ง และท้องต้องว่าง เพราะเมนูเย็นนี้จะทำให้แอดพุงกาง มีทั้งหน่อหวานต้มจืดหมูสามชั้น ไข่เจียว ผักกาดดอยลวก น้ำพริกมะเขือยาวใส่ปลากระป๋อง กินกับข้าวสวยร้อนๆที่ปลูกบนนาขั้นบันได ห่อใบตองหอมฉุย พันด้วยเชือกตอก เมนูที่ทำแต่ละครั้งก็จะสลับสับเปลี่ยนไปตามฤดูกาลหรือที่หาได้ ก่อนรับประทานก็มีเครื่องดื่มเจริญอาหาร หวานละมุน หอมบ๊วยดอง ให้จิบ (คอน้ำบ๊วยคงชอบแน่นอน)

หลังมื้อค่ำ เราก็มีนั่งพูดคุยกันท่ามกลางเสียงแมลงกลางคืนและอากาศที่เย็นสบายก่อนเข้านอน

เช้าวันที่ 2

ตื่นนอนตั้งแต่ตี 5 เสียงไก่ที่โห่ขันไม่ได้ปลุกให้ตื่น แต่ความงามของธรรมชาติที่อยู่ข้างนอกต่างหากเชื้อเชิญบอกว่าให้ออกไปมองฟ้ามองวิวทิศทัศน์ยามเช้า ช่วงนี้ฟ้าสว่างไว ไม่ทันไรจากฟ้าที่สลัวก็สว่างไสว


วันนี้ต้องเตรียมตัวกลับเข้าเมืองเชียงใหม่รอบ 9 โมงกว่า หลังมื้อเช้า ไกด์ของเราพานั่งรถมอเตอร์ไซค์ดรีมไต่ดอยขึ้นไปชมวิวอีก 2-3 จุด ช่วงเช้าวันนี้ฟ้าปิดและหมอกลงหนา เลยไม่เห็นยอดดอยอินทนนท์ แต่เท่าที่ได้เห็นในวันนี้ก็ทำแอดอิ่มใจไปทั้งวัน ก่อนที่ไกด์จะขับรถมาส่งขึ้นรถบริเวณปากทางเข้าหมู่บ้าน รถรอบแรกที่มาจากวัดจันทร์จะมาถึงราวๆ 9:20 นาฬิกา วิ่งกลับสู่เส้นทางเดิม ทางหลวงสาย 1349 ฝ่าสายฝนที่ตกลงลงมาเป็นระยะๆ ความประทับใจที่ถูกเติมมาเต็มเปี่ยม แม่ตะละเหนือ

ตะบลือ – ขอบคุณครับ.

Note

-ในหมู่บ้านและที่พัก มีแต่สัญญาณของ True move ส่วนสัญญาณ 12Call จะอยู่บริเวณจุดชมวิวหน้าหมู่บ้าน

-มีประชากร60กว่าครัวเรือน เป็นปกากะญอ นับถือพุทธ และคริสต์

-หลายบ้านนิยมเลี้ยงหมูดอย และ ไก่

-มีประเพณี คือ การผูกข้อมือหรือมัดมือประจำปี ช่วงเดือนสิงหาคมและเดือนมกราคม ของทุกปี

-มีพระเจดีย์ศรีธรรมชัย สร้างเสร็จเมื่อเดือน กพ. 2566

-ชาวบ้านมีอาชีพทำนา ลักษณะเป็นนาขั้นบันได ใช้แรงกายในการขุดดิน แทนเครื่องจักร มีปลูกข้าวโพด และ กาแฟ

-ชาวบ้านนิยมดื่มชามากกว่ากาแฟ ชา หรือ เมี่ยง ภาษาปกาญอเรียกว่า “นอมือ” เป็นเครื่องดื่มต้อนรับแขกที่มาเยือน

ใบชาจะอบแห้งทำให้ไม่มีรสฝาด ใช้กระบอกไม้ไผ่เป็นภาชนะในการต้ม ทำให้มีกลิ่นหอมของไผ่ ละมุนไปกับรสชาติของชา

-วิวระเบียงที่พัก มองเห็นดอยจ้งสั่ว (ดอยสายหมอก) เป็นแค๊มป์กางเต๊นส์ วิว 360องศา สามารถมองเห็นยอดดอยอินทนนท์

เส้นทางเดินป่ามี2เส้นทาง

1.ระยะทาง 5 กม. (ใช้เวลา3ชั่วโมง)

2.ระยะทาง 8 กม.(ใช้เวลา4ชั้วโมง)

เมนูอาหาร “ยังคงดอย”

มี แอ๊บปลา ข้าวห่อใบตอง น้ำพริกตามฤดูกาล แกงแตงดอยไส่ไก่ (ใส่สมุนไพรชื่อ ห่อวอ) แกงหน่อหวานไส่หมู ผัดกระหล่ำทอดน้ำปลา ลาบหมูดอย (ตามโอกาส)

และสำหรับเมนูไก่นึ่งสมุนไพร ( แนะนำควรเป็นทริปสำหรับนอน2คืน เพราะต้องใช้เวลาจัดเตรียม )


ภูมิประเทศ หมู่บ้านอยู่ท่ามกลางหุบเขา เป็นป่าต้นน้ำ มีลำธารและน้ำตก อากาศค่อนข้างเย็นชื้นในช่วงฤดูฝน *งดกิจกรรมช่วงน้ำป่าไหลหลาก

ติดต่อสอบถามที่

(รอบรถ )

เชียงใหม่ – อ.กัลยาณิวัฒนา ลงปากทางบ้านแม่ตะละเหนือ (ก่อนถึงวัดจันทร์ 40 กม.)

09:00 – 13:00 น.

11:00 – 15:00 น.

อ.กัลยาณิวัฒนา – เชียงใหม่ (ขึ้นหน้าปากทางบ้านแม่ตะละเหนือ)

07:30 – 11:30 น.

08:30 – 12:30 น.

ค่าโดยสาร 150 บาท

เส้นทางที่ใช้

ทางหลวง 1096 แม่ริม-สะเมิง

ทางหลวง 1269 หางดง-สะเมิง

ทางหลวง 1349 สะเมิง-วัดจันทร์

ปล. การเดินทาง ทำให้เห็นคุณค่าของสิ่งที่ขาดหายและสิ่งที่ไม่เคยเห็น

Relate Posts :