นิมมานเหมินท์ – หลายสิ่งเริ่มกลับมามีชีวิตอีกครั้งหลังจากผ่านช่วงวิกฤติของโรคระบาด ที่กลืนกินความฝันของใครหลายๆคน แต่ปรากฏการณ์ความเปลี่ยนแปลงของโลกที่เกิดขึ้นก็ดูจะรุนแรงไม่ต่างกันกับการระบาดของโรค การปรับตัวกับความเปลี่ยนแปลงจึงเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อการดำรงอยู่ เช่นเดียวกันกับหลายสิ่งที่นี่ ที่เคยมีอยู่และหายไป รวมถึงความทรงจำของใครอีกหลายคน
ไอร้อนระอุทำให้อ่อนเปลี้ยเพลียแรงขณะก้าวขาเดิน แต่สายฝนของพายุฤดูร้อนที่ผ่านมาเมื่อวานก็ช่วยบรรเทาความร้อนให้เย็นลง เสียงฟ้าฝนคะนองที่มีกบเขียดร่วมขับขานตลอดทั้งคืนคล้ายเสียงของสวรรค์กล่อมเกลาให้นอนหลับพลิกตัวอย่างสบายไร้ไอร้อนจากพื้นของห้องนอน ท้องฟ้าสีเทาแห่งฤดูหมอกควันไฟกลับกลายชุ่มฉ่ำด้วยมวลเมฆของไอฝนชวนให้หายใจเอาอากาศลงปอดเฮือกใหญ่ แต่ฟ้าสีเทาของหมอกควันไฟก็คงจะกลับมาอีกครั้งหากไร้พายุฝนผ่านมาทักทายแค่ชั่วคราว
ฤดูร้อนที่ดูแสนยาวนาน และความทรงจำที่กลับมาของใครบางคน
“อยากให้ลมหนาวพัดมาอีกครั้ง” ท่อนหนึ่งจากบทเพลง “นิมมานเหมันต์ ของวง Harmonica Sunrise“ ศิลปินโฟล์คอินดี้แห่งเมืองเชียงใหม่ ลอยแว่วเข้ามาในความนึกคิด
บทเพลงเว้าวอนออดอ้อนรำพันของหนุ่มสาวแห่งเหมันต์ฤดูใน ย่านนิมมานเหมินทร์
นิมมานเหมินทร์ ใครๆ ก็รู้จักไม่ต่างจากกาดหลวงหรือข่วงท่าแพเมื่อได้มา เที่ยวเชียงใหม่ หลายคู่หลายคนจึงมักชวนกันมาจับมือเดินเล่น ถ่ายรูปอัพเดตลงโซเชียลและเช็คอินร้านดัง
ที่นี่จึงเป็นอีกย่านเศรฐกิจการค้าและสถานที่ท่องเที่ยวพักผ่อนที่สำคัญแห่งหนึ่งของเมืองเชียงใหม่
สี่แยกรินคำ เปรียบเสมือน Landmark ซึ่งเชื่อมต่อระหว่างถนนซุปเปอร์ไฮเวย์เชียงใหม่-ลำปางกับถนนห้วยแก้วและถนนสุเทพ หลายคนบอกว่าเป็นแยกที่รถติดนานและยาว เพราะเป็นแยกหลักสายสำคัญที่จะขึ้นดอยสุเทพ ขึ้นเครื่องบิน ไปมหาวิทยาลัย นอนโรงพยาบาล หรือจะเข้า-ออก เมือง ถ้าไม่เลี่ยงเส้นทาง ยังไงก็จำเป็นที่จะต้องผ่านมาแยกนี้
บ้างก็แค่ผ่านไปผ่านมา บ้างก็ตั้งใจที่จะมาหา เหมือนลมหวลของฤดูหนาว
แต่ทว่าฤดูร้อนก็ชวนให้เหงื่อไหลไคลย้อยชวนกระหาย ให้มองหาร้านเครื่องดื่มเย็นๆ หรือนั่งพักหลบร้อน
นิมมานฯ เป็นย่านที่มีร้านรวงมากมายทั้งไทย จีน ฝรั่ง เกาหลี ญี่ปุ่น พื้นเมืองแบบล้านนาทั้งข้าวซอยและราเมง หม่าล่าหม้อไฟ Hot Pot มีร้านเหล้าคลับบาร์ ร้านนมที่ต้องมนต์ ร้านชากาแฟและโรตีกู มีร้านอาหารติดแอร์และร้านข้าวแกงริมทาง มีหมูปิ้งคุณพ่อและข้าวกรอกคุณยายที่มีคนหนุ่มสาวนิยมมาซื้อรับประทาน
มีร้าน Fast-food ริมถนนที่มีรถราเคลื่อนไหวเนิบๆ มีโรงแรมหรูและโฮสเทลขนาดย่อม มีห้างสรรพสินค้าและร้านโชว์ห่วยที่มีน้ำแข็งหลอดและเหล้าเป๊กขาย มีไฮโซ ดารา เซเลป คนทำมาหากิน มีชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในเชียงใหม่ มีนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติ
มีร้านหนังสือประตูบานสีแดงชื่อ “ร้านเล่า” ที่มีเรื่องราวมากมายบนตัวอักษร มีเรื่องราวความรักของหนุ่มสาวจากทะเลถึงภูเขาในกล่องไปรษณีย์สีแดง มีแกลอรี่ SeeScape ที่ไม่ใช่ Sea แต่ See กับคาเฟ่ตัวย่อ SS กับโค๊ดทดสอบความจำ 1254372 อยู่กลางซอย 17 ถัดไปอีกซอยไม่ไกลกันไอศกรีมมะม่วงพริกเกลือ I berry ที่ร่ำลาปิดตัวไปแล้ว และยังมีอีกหลายสิ่งที่เราเองก็ยังไม่รู้
ที่นี่เป็นย่านที่เรียกว่าเป็นต้นกำเนิดของงานคราฟ ศิลปะ ดนตรี วัฒนธรรม Art Culture ของศิลปินจากหลากหลายพื้นที่ ที่มาตกหลุมรักเมืองเชียงใหม่ และเทศกาลฤดูหนาว งาน Nap และ ผิงไฟ ที่หนุ่มสาวมาแนบอิงจับมือกันผิงปิ้งมาร์ชเมลโล่ จัดขึ้นราวเดือนธันวาคมของทุกปี
จะว่าไปก็มีความเป็นนานาชาติ มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมที่ทันสมัย ร่วมสมัยและดั้งเดิมควบคู่ขนานกันมา
นิมมานในอีกมุมมองที่เราสแนปมา
ระหว่างทางเดินเล่นลัดเลาะซอยหยุดมองนั่นมองนี่และรถราที่วิ่งสวนไปมา มีหลายสิ่งที่ชวนให้ต้องหยุดมอง สิ่งเล็กๆริมทางเป็นอีกความงามที่สัมผัสได้เมื่อเราให้ความสำคัญและมองให้ชัด และเมื่อเราช้าลง เราก็จะเห็นอะไรชัดเจนมากขึ้น
วันนี้เรามาหยุดพักหลบร้อนในร้านครัวซองค์ที่มีกาแฟ ตรงปากซอยนิมมานเหมินทร์ 13 (ฝั่งถนนศิริมังคลาจารย์) ชื่อร้าน Butter bake ร้านเล็กๆน่ารักเหมือนสาวน้อย มีโต๊ะน้อยๆให้นั่งอยู่2-3ชุด อารมณ์มินิมอลสุดๆ
ฤดูร้อนยังไม่ผ่านไป ฤดูฝนใกล้จะมาถึง แต่ความคิดถึงแสงแดดสายลมแห่งเหมันต์ ความทรงจำของใครหลายๆคน น่าจะยังคงอยู่ที่นี่เพื่อรอการกลับมาเยี่ยมเยือนอีกครั้ง.
9 พฤษภาคม 2566 เชียงใหม่
Neffy