info. บ้านลวงเหนือ อ.ดอยสะเก็ต จ.เชียงใหม่
ต่างถิ่น ต่างที่ ต่างเชื้อชาติ ก็ต่างวัฒนธรรมและวิถีชีวิต
ผมพาตัวเองมายืนทำหน้าหล่อแถววัดศรีมุงเมือง บ้านลวงเหนือ ดอยสะเก็ด มาทำความรู้จักวิถีชีวิตของคนที่นี้ครับ
ไม่ได้ทำความรู้จักอย่างการเดินเข้าไปเขย่ามือแล้วถามชื่อแบบนั้นนะครับ ทำความรู้จักคือการไปสัมผัสหลายๆอย่างในชีวิตพวกเขา
เกริ่นกันก่อน ชาวบ้านที่นี้ ต้องบอกว่าส่วนใหญ่เลยเป็นชาวไทลื้อครับ ไทลื้อ หรือ ไตลื้อ ก็คือชาวไทกลุ่มหนึ่ง ที่มีถิ่นฐานเดิมอยู่ในแถบสิบสองปันนาของจีน มีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นคือการใช้ภาษาไทลื้อ อีกอันที่เด่นชัดเลยคือเครื่องแต่งกาย โดยเฉพาะผ้าโพกหัวสีขาว
ผมเข้ามาในวัดศรีมุงเมือง ย่างเท้าเข้าไปในพระวิหาร กราบพระเสร็จ ก็มองดูความงามรอบๆภายในวิหารวัดที่ยังก่อสร้างไม่เสร็จสมบูรณ์ดี ปากประตูทางเข้าพระวิหารตรงบันไดมีสัตว์ในตำนานอย่าง “พญาลวง” (ที่ไม่ใช่พญานาค หลายคนเข้าใจเป็นแบบนั้น แต่ที่จริงเป็นสัตว์ที่มีลักษณะหลายอย่างผสมกันทั้งมังกร พญานาค เหยี่ยว วัว กวาง เป็นต้น) เด่นสง่าชูหัวทั้งสองฝั่งราวบันได ถัดไปด้านหลังพระวิหารมีพระธาตุเจดีย์นพีสีพิศาลมงคล (ชื่อจะยาวไปไหน) วางตัวอยู่
-
ด้านหน้าวัดศรีมุงเมือง
-
พญาลวง
-
ภายในพระวิหาร
เดินไปซ้ายมืออีกนิดเป็นกุฏิเจ้าอาวาส ข้างในมีโฮงหลวงไทลื้อ ที่สร้างโดยไม่ได้ใช้ตะปูซักดอก แต่อาศัยการตอกลิ่ม เข้าสลักแทน
-
ไม่มีตะปูซักดอก ใช้การตอกลิ่ม เสียบสลักแทน
จากโฮงหลวงไทลื้อ เดินกันมาทั้งคณะสื่อและททท. พอเหงื่อซึมเป็นกษัย ก็มาถึงตรงจุดสำคัญของหมู่บ้านอีกที่ ที่ที่ว่าก็คือหลักใจกลางบ้าน หรือเรียกอีกอย่างว่า เสื้อบ้าน ตั้งอยู่ตรงกลางของหมู่บ้านเมืองลวงเหนือและใต้ ซึ่งเป็นเขตแดนที่ติดต่อกัน โดยคนไทลื้อได้สร้างขึ้นตั้งแต่ครั้งแรกๆที่เข้ามาอยู่ เพื่อให้เป็นที่สิงสถิตของเทวดาอารักษ์ที่มาปกปักรักษา คุ้มครองคนในหมู่บ้านให้ได้อยู่ร่วมกันอย่างร่มเย็นเป็นสุข ซึ่งเมื่อคนในหมู่บ้านจะทำการสิ่งใด หรือเดินทางไปไหนมาไหนก็ต้องไปจุดธูปเทียนเพื่อบอกกล่าวเทวดาเสื้อบ้านให้รับรู้และคุ้มครองรักษา พร้อมกันนี้ในหมู่บ้านก็จตะให้ความสำคัญกับการทำบุญสืบชะตาหมู่บ้านเป็นประจำทุกปีในวันที่ 16 เดือนเมษายน
-
หลักใจกลางบ้าน
อีกอย่างที่น่าสังเกตของชื่อหมู่บ้านที่ผมสังเกตเอา น่าจะมาจากชื่อพญาลวง ก็เลยตั้งชื่อเป็นหมู่บ้านเมืองลวงไปเลย ฝั่งเหนือก็เมืองลวงเหนือ ฝั่งใต้ก็เมืองลวงใต้ (เพราะสถาปัตยกรรมส่วนใหญ่ทางศาสนา จะมีแต่พญาลวงล้วนๆ)
อนึ่ง ”ลวง” ในที่นี้ ไม่ใช่ลวงหลอกนะครับ ฮ่าๆๆ
วัดและวิถีชาวบ้านก็จัดการไปเขย่ามือทำความรู้จักมักจี่มาแล้ว คราวนี้มาดูที่ของฝากของกินเลื่องชื่อที่นี้กันครับ ก่อนอื่นผมไม่รู้จะเรียกคนนำทาง หรือไกด์ หรือวิทยากร ของที่นี้ว่ายังไงดี เอาเป็นว่าช่างหัวลูกสาวคุณยายมันเถอะครับ ไหนๆเขาพามาดูแล้วก็อย่าไปสงสัยอะไรให้เข้าเรื่องมาก
“ข้าวแคบ” คืออาหารที่จะพามาทำความรู้จัก รูปพรรณสัณฐานมัน ดูออกคล้ายๆข้าวโป่งของคนอีสานบ้านผมครับ ลักษณะเป็นแผ่นเหมือนกัน ข้าวแคบจะทำจากแป้งข้าวสารเหนียว ผสมด้วยงาและเกลือ ทำเสร็จจะกินแบบร้อนๆคาหม้อ เหนียวหนึบๆ หรือจะเอาไปตากบนแผ่นหญ้าคาแล้วเอามาปิ้งไฟ หรือทอด รสชาติจะออกมันๆครับ ทำนองยิ่งกินยิ่งมัน ยิ่งมันก็ยิ่งกิน ปีใหม่เมือง งานบวชลูกแก้ว งานปอยหลวง งานพวกนี้ ข้าวแคบมักจะไปเสนอหน้าให้ชาวบ้านได้ทานกันเสมอ
-
ไม่เอามาตากจะกินแบบนี้ก็ได้
-
แบบทอด -
แบบปิ้ง
คนที่นี้แนะนำผมว่าต้องกินกับข้าวเหนียวนึ่ง กินกันไปแบบเพียวๆยังงั้นเลย ข้าวแคบทอดบวกข้าวเหนียวนึ่ง แหม ข้าวล้วนๆนะครับ แต่ถ้าถามเอาความรู้สึกผมจากก้นบึ้งลึกๆของหัวใจ ผมว่ามันเหมาะกับการเป็นของขบเคี้ยวทานเล่นมากกว่าจะซัดกับข้าวเหนียวนึ่ง หรือหากจะเอาไปวางใส่จานเป็นกับแกล้มสุราเมรัย ก็ไม่น่าเกลียด เคอะเขินแต่อย่างใดครับพี่น้อง และถ้าอยากให้ได้อารมณ์และความรู้สึกสุดๆในการทาน ต้องไปนั่งปิ้งข้างเตาไฟร้อนๆกับมือตัวเองเลย
จากความมันของข้าวแคบ ชนิดเคี้ยวเพลินจนลืมเวลา เกือบสองชั่วโมงกว่าๆ ในหมู่บ้านลวงเหนือ คนที่นี้พาผมไปรู้จักวัฒนธรรมอะไรใหม่ๆของไทลื้อได้เยอะจริงๆครับ
เรื่อง/ภาพ : คนหูเหล็ก