เชียงใหม่ เป๋าสองใบ มอไซค์ กับใจสองดวง

แฮร่!! มาอีกแล้ว ขอบอกไว้ก่อน ดอกจันทร์ตัวโตๆ
กระทุ้นี้มิใช่กระทู้อวดผู้ชาย แต่อย่างใด กระทู้นี้อวดเที่ยว!
ทริปนี้เป็นทริป 4วัน3คืน งบไม่มีแต่ไม่มาก ไม่มีรถยนตร์ส่วนตัวค่ะ


*คำเตือน.. ในกระทุ้นี้มีทั้ง..
1. ภาษาวิบัติ (เพื่ออรรถรสในการเดินทาง)
2. รูปวิวและรูปคู่ (ถ่ายทุกอย่างที่เป็นความทรงจำ)
3. คำสบถเบาๆ (เพื่อแสดงออกถึงอารมณ์ตอนนั้น)
4. บรรยายเยอะมาก (รายระเอียดต่างๆทุกอย่างที่จำได้)
5. ความรักของสองเราเอง หากผู้รับชมท่านใด ไม่ชอบในสิ่งเหล่านี้ สามารถข้ามไปได้เลย**

Day 1

แผนแรกเราคือพอเราถึงเชียงใหม่เช้าตรู่วันจันทร์ปุ๊บ เดินทางขึ้นดอย นอนบนดอย ดื่มด่ำบรรยากาศ แต่ด้วยความเหนื่อยอ่อนจากการทำงานมาทั้งอาทิตย์ พอถึงเชียงใหม่ปุ๊บ สังขารวัยทำงานตอนต้นของสองนางไม่น่าไหวแน่ๆ การขึ้นดอยจึงได้ถูกพับเก็บไว้แค่นั้น เอาละไงทีนี้ เชียงใหม่ก็ถึงแล้วที่พักไม่ได้จอง ก็หาเลยละกัน เราเปิดแอพละหาไปเรื่อยๆ จนไปได้ที่พักที่นึง
เราออกเดินทางจากสนามบินโดยใช้วิธีการเรียก Grab taxi และพบว่ามันถูกกว่าเดินทางโดยวิธีอื่นๆ เราเดินทางจากสนามบินไปที่คูเมือง เสียค่าเดินทางไปทั้งหมดร่วม 130 บาท (ค่าเรียก 50 บาท) ค่าเรียกแทกซี่ในสนามบินเป็นแบบเหมาจ่ายก็ 150 บาทแล้ว
ในสนามบินมีร้าน Rare item อยู่นั่นคือร้านโครงการหลวงดอยคำ อย่าลืมแวะซื้อสตรอเบอรี่ในนั้น สตรอเบอรี่ของที่นี่ดีงามพระรามสามมากๆ ราคากล่องละ 100 บาท มีสตรอเบอรี่มาให้สองชั้น มีแค่ช่วงหน้าหนาวด้วยนะ เคยครั้งนึงมาถึงตอนบ่ายๆ ก็ไม่มีขายแล้ว ดังนั้นอย่าลืมแวะซื้อก่อนออกจากสนามบิน
และแล้วเราก็ได้ที่พักแล้วจ้าที่นี่ชื่อ “Sleep Guesthouse” อยู่ในเส้นคูเมือง เปิด google map ก็หาเจอ อยู่ตรงถนนมูลเมืองซอย 7 จุดสังเกตุง่ายๆ จะมีรูปภาพกราฟฟิกแบบที่ฝรั่งกำลังเพ้นท์อยู่ เจ้าของที่นี่น่ารักมากๆ ตอนโทรถามคุยตอบดีมาก แถมยังใจดีอีกให้เช็คอินก่อนเที่ยงด้วยที่เราเลือกที่นี่เพราะเราเปิดดูจาก TripAdvisor ได้คะแนนระดับดีมากเลย พอมาถึงไม่ผิดหวังจริงๆ พอมาถึงที่นี่ เราก็เก็บของ ล้มตัวนอนหลับเป็นตายละตื่นมาอีกทีตอนเย็น เอาเป็นว่ามาดูที่พักกันก่อนเลย
ราคา 1,090 บาทต่อคืนสำหรับห้องสองคน และที่นี่ยังมีแบบเป็น Dorm ด้วยนะ
พอเราตื่อนกันปุ๊บ ท้องก็ร้องปั๊บ ลงมาที่ล็อบบี้ ถามพี่เจ้าของเกสเฮ้าส์หาที่เช่ามอเตอร์ไซค์ ได้วันละ 220 บาท ค่ามัดจำ 2,000 บาท สักพัก พี่ร้านเช่ารถก็เข็นรถมาให้ เราเลยถามพี่เค้าว่าอะไรแถวนี้อร่อย อยากได้ที่มันแบบพื้นบ้านๆธรรมดาเลย ไม่เอาชื่อดัง ไม่เอาร้านดัง เอาแบบคนท้องถิ่นเค้ากินกัน เค้าคิดแปปนึงแล้วแนะมาว่า ให้เข้าซอยข้างๆไปจะเจอร้านนึง ฝรั่งนั่งเยอะราคาไม่แพง ได้ความดังนั้นเราก็เลยไปตามทางที่พี่เค้าบอก ในใจได้แต่คิดว่า ข้าวซอยพื้นเมืองว้อยยย ช้าวซอยน่องไก่ จะได้กินข้าวซอยแล้ว สักพักก็มาถึงร้านนี้ ชื่อร้าน Blue diamond  เราสองคนรีบพุ่งตัวเข้าไปสั่งไม่ลืมหูลืมตาเพราะหิวมาก พลิกเมนูดูอยู่ 5-6 รอบ หาคำว่าหมูไม่เจอ สรุป ร้านนี้คือร้านมังสวิรัต เลยสั่งข้าวซอยผักมา ผักทอด และข้าวผัดทะเล ผิดเองที่ไม่ยอมดูให้ดีก่อนเข้าร้าน แต่น้ำผลไม้ที่นี่อร่อยดีนะ ราคาไม่แพง รสชาติก็โอเค หายหิวไปมื้อนึง ในร้านจะมีพวกเบเกอรี่และผักผลไม้ต่างๆด้วยน่ากินมาก แต่จุดประสงค์เราคือไปหลายๆที่กินหลายๆแบบ
จากหาอะไรกินกันจนอิ่มแล้ว ก็โทรหาเพื่อน (เรามีเพื่อนที่อยู่เชียงใหม่อยู่แล้ว ไม่ได้เจอกันนาน) เรา “เห้ย เมริง อยู่ไหนทำไรอะ พาเที่ยวหน่อย “เพื่อน “ฮาอยู่ดอยสุเตพ ฮามาไหว้พระ” เรา “ไปทันปะ” เพื่อน “บะเด่วกี่โมงละ … ห้าโมงกึ่ง โค๊ะ บ่าต้องมาล้ะ อยู่ตังลุ่มไป กว่าคิงจะขึ้นมา มืดทึ้ม เด๋วฮาลงไปหา” ละก็ว่างสายไป เราก็เอ๋อไปแปปนึง ไปไหนดี เย็นๆแบบนี้ ขับๆไปก่อนละกัน ขับไปจับมาก็เจอ มช. งั้นไปอ่างแก้วละกัน
“อ่างแก้ว มช.” พอเรามาถึงที่อ่างแก้ว อากาศเย็นๆ อ่างน้ำสวยๆ บรรยากาศคนรักไม่ว่าจะเป็นเพื่อนแฟนหรือพ่อแม่ที่มาเดินเล่น ทำให้รู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก เราแวะถ่ายรูปตัวเอง ถ่าวรูปคนอื่นกันนิดหน่อย (เพื่อนเราเมื่อกี้นั้นแหละ มันลงมาเจอ)
จากนั้นก็ออกเดินทางต่อไปที่ “ร้านโรตีอะไรสักอย่าง” ขอโทษฮืออ เค้าจำชื่อไม่ได้ โลเคชั่น ขับรถไปตามเส้นหน้ามอเรื่อยๆ ยังไม่ถึงเส้นนิมมานนะ จะเจอเซเว่นอยู่ทางซ้ายมือใกล้ๆกับสามแยกไฟแดง ให้จอดรถแถวนั้นแล้วหันไปทางขวา จะเจอร้านโรตีหอมฉุย ขอแนะนำนี่เลย “โรตีหมักเนย” โอ้พระสงค์! น้ำตาจะไหล อะไรจะหอมหวานมันอร่อยขนาดนี้ ออกกำลังกายอีก5วันก็ยอม ไม่รู้จะอธิบายยังไง เด็ดจริงอะ ต้องลอง
(รูปโรตีหมักเนยคืออันข้างบนนะคะ ขอโทษที่ไม่ทันถ่ายตอนแรก คือมันอร่อยจริงๆ ข้างล่างเป็นโรตีกล้วยชีส)
มาถึงเชียงใหม่ เต็มไปด้วยสีสัน คงจะขาดช่วง Night life ไปไม่ด้าย ร้านนี้ชื่อร้าน “กำไร” ขายเบียร์นอกหลากหลายสไตล์ ถูกและดี อากาศเย็นๆเบียร์อร่อยๆ ดีชะมัด ความฟิน10กระโหลก ร้านนี้ตั้งอยู่เส้นนิมมานแถวซอย 6 อยู่ติดถนนใหญ่ คนเชียงใหม่น่าจะรู้จักดี เป็นร้านขายเบียร์แบบส่ง จะว่ายังไงดีหละ แบบขายของชำที่มีแต่เบียร์ เราสามารถไปซื้อเบียร์แช่เย็นเป็นขวด จะมีที่ให้นั่งกินหน้าร้าน เป็นโต๊ะกลมธรรมดามีเก้าอี้พลาสติกให้นั่ง น้ำแข็งบริการฟรี แต่ถ้าซื้ออาหารข้างนอกเข้ามานั่งกินต้องเสียค่าที่ประมาณ 10-15 บาท นั่งอย่างนี้เอาจริงๆ ฟินนะ นั่งไปจนจวนจะเที่ยงคืนได้เลย
ยังไม่จบ อย่าคิดว่าเราจะหยุดกินกันง่ายๆ เวลาก็พอเหมาะพอเจาะ จะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจาก “ไก่ทอดเที่ยงคืน” ร้านนี้อยู่ตรงถนนเส้นกำแพงดิน สาขานี้ที่เราไปเป็นสาขาแรกเลย ใครมาเชียงใหม่ต้องห้ามพลาด มีไส้อั่ว สามชั้นทอด กินกับน้ำพริกหนุ่ม กับใข่ต้มจิ้มน้ำปลา ขาวเหนี่ยวร้อนๆ หาความฟิน ที่ไหนไม่ได้อีกแล้วเวลานี้ กินมื้อนี้เสร็จ จึงอำลาตัวไปนอนอืดให้อาหารย่อยในฝันเลย

Day 2

เริ่มต้นเช้าวันใหม่ที่สดใส(จ่ะเช้ามาก ตื่นก็ปาไปเกือบเที่ยง) ที่พักเรามีอาหารโฮมเมดให้ด้วยนะ แม่พี่เจ้าของที่พักทำให้น่ารักมากๆเลย เติมพลังก่อนจะเช็คเอ้าท์ออกไปที่อื่นกัน
จากนั้นเก็บของ เช็คเอ้าท์ออกจากที่พัก แอบแวะเดินเล่นแถวที่พักหน่อย เพราะเห็นร้านกาแฟสวยดี ไม่ได้ดีเฉพาะร้านกาแฟนะ บาริสต้าก็ใช้ได้เลย ร้านนี่อยู่ฝั่งตรงข้ามที่พักพอดี ชื่อร้าน “Cafe Arte Chiang Mai” แอบไปเข้าห้องน้ำละเห็นด้านในเป็นห้องพักด้วยแหละ แต่กลิ่นดีมากเลยที่นี้ บรรยากาศแบบสงบมาก
กินเสร็จหมดก็ถึงเวลาย้ายที่ไปที่พักอีกแห่งหนึ่งแล้วชื่อ “Plern Plern Bed and Bike, Chiang Mai” เป็นที่ที่เราจองไว้ตั้งแต่ที่แรก ที่เราเลือกที่นี่เพราะ คุณพี (เพื่อนในทีมที่ไปเที่ยวเหนือครั้งที่แล้ว) ได้บอกว่ามันเวิร์คมากเพื่อนบอกว่าดีย่อมดี พอมาถึง เออเห้ย เวิร์คจริง คือเป็นที่ที่เข้ามาแล้วรู้สึกเย็นมาก ห้องจัดเป็นสัดส่วน พี่ที่ดูแลชื่อพี่แอ๊ด น่ารักอีกเช่นเคย เราไม่รู้ทางกัน โทรถามพี่เค้าไปสามสี่รอบ เค้าก็ตอบกลับมาอย่างดี (เปิด google map เอาก็ได้)
บริเวณหน้าล้อบบี้มีขนมให้หยิบทานได้ตลอดด้วย ห้องก็น่ารักเป็นสัดส่วน บันไดทางขึ้นเรานึกถึงฟิวแบบปราสาทแฮรี่พอตเตอร์เลย
ในส่วนนี้เป็นของห้องพัก จัดสรรค์อย่างดี เข้าไปฝั่งซ้ายจะเป็นห้องน้ำ
เก็บของเรียบร้อบ เพื่อให้ไม่เป็นการเสียเวลา ไปเที่ยวเล่นดีกว่า “ดอยปุย” ใช่ค่ะ เราจะไปดอยปุยด้วยมอเตอร์ไซค์
จริงๆจะไปวัดพระธาตุดอยสุเทพ แล้วอยากเลยไปพระตำหนักภูพิงค์หน่อย แต่พอไปถึงเค้าปิดแล้ว เห็นป้ายดอยปุยเลยลองวิ่งๆตามไปดู ป้ายเขียน 7 กิโล 3 กิโล ในใจก็คิด เออนิดเดี๋ยวก็คงถึง มีแอบแวะจุดชมวิวข้างทางบ้าง
ฟ้าสว่างจนเริ่มค่ำ ในที่สุดก็ถึงแล้ว 3 กิโลแม้วจริงๆ กว่าจะถึงปาไปประมาณชั่วโมงสองชั่วโมง พอถึงปุ๊บ เอาน่ามาดอย ก็ใส่ชุดแม้วไปตามระเบียบ
จริงๆเค้าบอกว่ามีไร่สตรอเบอรี่เล็กๆของชาวดอยด้วย วันนี้เจ้าของไร่ไปทำเกษตรกรรมอย่างอื่น แต่แอบถ่ายรูปมานิดนึง (ในใจเลยนะ คำว่าไร่สตอเบอรี่ ภาพมโนในหัวคือ สวน ดูชุ่มฉ่ำ สตรอเบอรี่ห้อยลงมา จริงๆคิดว่ามันเป็นพืนเถาวัลย์ แต่จริงๆก็แบบในภาพอะ มียาวไปอีกห้าหกแถว)
ถ้าใครขับมอไซไปไม่แข็งแรงระวังกันด้วยนะคะ แนะว่าให้ไปแต่เช้าจะดีกว่า แต่ระหว่างทาง ด้วยความที่มันธรรมชาติมาก มันมีหิ่งห้อยด้วยแหละ สวยมากบรรยากาศดีมาก ซ้อนมอเตอร์ไซค์แฟนฟินอ่ะ อย่างกะกลับไปคบกันใหม่ละพามาเดท มันถ่ายรูปไว้ไม่ได้ แต่เป็นภาพในความทรงจำที่ดีมากๆเลย พอลงดอยมาก็ทุ่มเกือบสองทุ่มแล้ว ลงมาพี่อมยิ้มก็เหนื่อยมากแล้ว ก็ตัดสินใจ วันนี้พักผ่อนดีดว่า หาหมูกะทะกินแล้วเข้าที่พักนอน

Day 3

ตื่นสายอีกแล้ว ตื่นปุ๊บหิวปั๊บ เลยถามเพื่อนเชียงใหม่ดู อยากกินอาหารเหนือที่ไม่ใช่ร้านดัง แต่เด็ดอร่อย เพื่อนมันแนะมานี่เลย “ร้านไก่ทอดใบมะกรูด” ตั้งอยู่ตรงเส้นนิมมานเหมินท์ หัวมุมซอย8 ข้างเซเว่นใหญ่ เป็นร้านเพิงๆหน่อย ราคาเป็นกันเองสุดๆ ทั้งโต๊ะกินสองคนหมดประมาณ 200 บาทเท่านั้น!! ที่เห็นในนี้จะมี ไก่ทอด น้ำพริกอ่อง ตำขนุน ไส้อั่ว ลาบคั่ว ไข่ต้ม ผักทอดและข้าวเหนียว คุ้มอะไรขนาดนั้น ส่วนรสชาติก็ใช้ได้เลยนะ สมเหตุสมผลสุดๆ
จากนั้นมองนาฬิกา จะขึ้นดอยสูงๆ ไม่น่าจะทันอีกละ งั้นไปแหล่งยอดฮิตเลยดีกว่า “แกรนแคนยอน” การเดินทางไปก็ง่ายๆเลย เสิร์ชหาข้อมูล Google Maps ขับรถไปตามทาง มองไปตามข้างทาง วิวเชียงใหม่สวยทุกที่เลยจริงๆนะ
 
เราไปถึงก็เย็นๆละแสงสวยดี ฝรั่งเยอะ งานดีย์อีกแล้ว (ลืมบอก เค้ามีค่าเข้าคนละ50บาท เอาไปแลกน้ำสมุนไพรได้ด้วยนะ)
เราว่านะ ที่นี่แบบ เป็นที่ที่เหมาะมากๆเลยสำหรับการถ่ายรูป เพลิดเพลินบรรยากาศอะไรทำนองนั้นแหละ พูดละก็ขอแช๊ะหน่อย
พอถ่ายรูปกันเสร็จก็เกือบเย็นละ เข้าเมืองอีกที หิวอีกแล้ว หาที่กินข้าวดีกว่า พี่อมยิ้มเป็นคนชอบกินคั่วไก่มาก ดังนั้นเราก็ต้องไป คั่วไก่นิมมาน & iberry
รสชาติโอเค มื้อนี้โดนไปสามอย่าง แกงฮังเล คั่วไก่ และตำมะม่วงปลาป่น แซ่บ
ส่งพี่อมยิ้มกินเสร็จ เราอยากกินบะหมี่ วันก่อนแอบไปโฉบแถว กาดหน้ามอ – หน้ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มาร้านนี้น่ากินมาก จำชื่อร้านไม่ได้ รู้สึกว่าจะชื่อร้าน บะหมี่ไข่ หรืออะไรสักอย่าง ร้านจะอยู่แถวโซนอาหารฝั่งขวามือสุดบะหมี่ต้มยำไข่ต้ม+เบคอน และยำไข่ต้ม
ทานคาวต้องทานหวานต่อ นมไส อร่อยมาก ชอบมาก อยากกินอีก ถูกมากด้วย ที่เห็นๆนั้น 59 บาทเอง
อร่อย ถูก อิ่ม และดี หน้ามอ ครบ
ทริปนี้ เรามาถึงเรายังไม่ได้ถ่ายไฟกลางคืนกันเลย ขับรถโฉบไปที่นู้นทีที่นี่ที มีจุดนึงที่เราอยากถ่ายรูปมากกกก คือ Think Park Chaingmai ที่นี่จะอยู่ตรงข้าม MAYA เป็น avenue มีร้านนั่งชิวดื่มอยู่เยอะ และก็มีต้นไม้ประดับไฟต้นใหญ่อบู่ตรงกลาง แบบนี้
กาดรินคำก็มีสวยๆเหมือนกันนะ
และจบทริปวันนี้ด้วยการไปดริงค์ต่อกันที่นี่ ” Zoe in yello
ที่นี่เป็นแบบผับเอ้าท์ดอร์ที่มีฝรั่งเยอะดี จริงๆมาเพราะเปิดเพลงดี สนุกด้วยแหละ ที่นี่เคยปิดตี4นู้น แต่ตอนนี้ที่เที่ยวที่เชียงใหม่ปิดกันแค่เทียงคืน ใครจะมาอย่าลืมรีบมาไวๆนะคะ และที่สำคัญ อย่าลืมพกบัตรประชาชนมาด้วยหละ ใครเคยมาละจะรู้ว่าที่นี่เค้าดีจริงๆ

Day 4

และแล่ววันนี้เราก็ตื่นเช้า วันสุดท้ายแล้วทจุดหมายของวันนี้คือ เราจะไปกันที่ “แม่กำปอง” แพ็คกระเป๋าฝากไว้ที่พัก เตรียมออกเดินทางตั้งแต่ 8 โมง พร้อมแล้วเปิด google map แล้วลุยย ระหว่างทางก็เก็บภาพไปเรื่อยๆ ข้างบนจะเป็นยังไง มาดูกัน
(ขับรถตาม mapไปเรื่อยๆ เราจะเจอกับสามแยกวัดใจว่า เราควรไปทางไหนดี (แยกหมู่บ้านธารทอง)ทั้งคู่เหมือนไปถึงหมู่บ้านแม่กำปองได้เลย แยกนั้นให้เลือกไปทางขวานะคะ  ถ้าทางซ้ายจะเป็นทางไป บ้านต้นไม้แทน) ถึงแล้ว “แม่กำปอง
ขับรถมาร่วมชั่วโมงนิดๆได้ หน้าชาเบาๆ ขอบอกไว้ก่อนว่าที่นี่ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์นะ (หรือมีแต่เราหาไม่เจอก็ไม่รู้) ที่นี่ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นหมู่บ้านลึกลับ ใครเคยดู totoro เราว่าให้ความรุ้สึกคล้ายๆเลย อากาศเย็นชื้น10 -11 โมงอย่างกับ 7 – 8 โมง ให้ได้บรรยากาศต้องขับมอไซค์หรือขับรถยนตร์เปิดกระจกไป นี่เลือกขับมอไซค์ไป หน้าชาแต่ฟินเวอร์มีลำธารไหลเลียบขึ้นไปสู่หมู่บ้านตลอดทาง ฟินจริงๆ ไม่ผิดหวังเลย
หิวมากตอนนี้ พอเข้าไปให้หมู่บ้าน หันไปปุ๊ป เราก็จะเจอนี่เลย ร้านอาหารเหนือ  เราก็สั่งเข้าไปทางข้างใน มีที่ให้ทาน อยู่เลียบลำธาร ไส้อั่วร้อนๆ อร่อยมาก กินเสร็จเราก็แวะไปร้านข้างๆเห อนเป็นที่เช็คฟอยท์ทำนองนั้น ชื่อร้าน ลุงปุ๊ดป้าเป็ง เป็นร้านกาแฟ อยู่เลียบลำธารเหมือนกัน ร้านนี้เหมือนเป็น ซิกเนเจอร์ของที่นี่ แต่เราไม่ได้ถ่ายรูปข้างหน้ามา เรานั่งกินขนมกันนิดหน่อย ชื่นชมบรรยากาศอีกนิด ก่อนจะเดินทางต่อไปที่อื่น จะเห็นได้ว่าที่นี่เป็นธรรมชาติจริงๆ ต้นไม้ครึ้มเขียว และรถวันที่เราไปไม่ค่อยเยอะ จากนั้นก็ขับรถกันไปต่อที “น้ำตกแม่กำปอง” เป็นหมู่บ้านที่มันเป็นหมู่บ้านที่มันธรรมชาติมากๆ มันก็เลยมีลำธาร พอไล่ลำธารขึ้นไปมันก็เลยมีน้ำตก เย็นฟินเวอร์ มีไม่กี่ชั้น เดินแปปเดียวก็ถึง ไม่มีคนเลย


หลังจากนั้นเราก็ขับรถเดินทางกลับจนถึงทางแยกหมู่บ้านธารทอง ขับรถขึ้นไปตามเส้นทาง เพื่อจะเดินทางไปยัง บ้านต้นไม้ใหญ่ “Giant” นั้นเอง มีร้านกาแฟและเค้กขาย ราคาตามความสูง วิวที่นี้ถึงว่าสวย มีต้นไม้บดบังบ้าง
หลังจากนั้นเราก็เดินทางลงเขากลับเข้าสู่ตัวเมืองเชียงใหม่ เอารถไปคืน เตรียมตัวกลับกันค่ะ ระหว่างทาง เราแวะพักกินข้าวข้างทางร้านนึง เป็นทางก่อนขึ้นดอย หน้าร้านจะมีป้ายเขียนบอกว่า ก๋วยเตี๋ยวชามละ5บาท เราสั่งกันไปสามจาน ผัดกระเพรา ผัดพริกแกง และก๋วยเตี๋ยว 1 ชาม ก็ 5 บาท เส้นจึ๋งนึง ลูกชิ้น 1 ลูก เอาน่าก็ไม่ได้หวังอะไรมากอยู่แล้ว แต่ว่าอาหารตามสั่งอร่อยมาก สะอาดด้วย ใครผ่านอยากให้ลองชิมดู
หลังจากเราลงมาถึงเชียงใหม่ เราก็เอารถไปคืน แล้วมาพักกันที่ร้านกาแฟก่อนรอไปขึ้นเครื่องบินกลับกรุงเทพ เชียงใหม่ถือได้ชื่อว่าเป็นจังหวัดที่มีร้านกาแฟเยอะมาก และเราก็มาหยุดกันที่ร้าน “Ahcafela Coffee & Eatery” ตั้งอยู่ใกล้ๆกับวัดอุโมงค์ ร้านน่ารัก เงียบๆ ชิวๆ เจ้าของร้านก็อัธยาศํย ดีมาก นอกจากร้านน่ารักแล้ว เครื่องดื่ม(กาแฟ) ที่นี้อร่อยไม่แพ้กันเลย ทุกแก้วใส่ใจในคุณภาพมาก เจ้าของร้านแอบบอกว่าถึงขั้นศึกษาการชงกันมาเลยทีเดียว
ก็เป็นอันว่าจบทริปเชียงใหม่ของพวกเรา ‪ชีวิตกับหมวย‬ สมาชิกทีม All Around ของเราเพียงเท่านี้ พบกันใหม่ในทริปต่อไปครับ สวัสดีครับ
ขอบคุณข้อมูลจาก http://pantip.com/
Instagram : @aomyeam38 @jj.jaaja
Hastag : #ชีวิตกับหมวย

Relate Posts :