เชียงใหม่เมืองท่องเที่ยวสุดไฉไลที่ใครๆ ก็ฝันถึง
ด้วยความลงตัวที่เหมาะเจาะทั้งในเรื่องของสภาพภูมิอากาศ วัฒนธรรมและผู้คนที่มีเสน่ห์ชวนหลงใหลจึงทำให้นี่เป็นเหตุผลหลักที่เราตัดสินใจออกเดินทางมาเชียงใหม่เป็นครั้งแรก
การเดินทางเริ่มขึ้นในเช้าวันเสาร์ โดยจองตั๋วเครื่องบินไปเชียงใหม่ผ่าน Traveloka เว็บไซต์จองตั๋วเครื่องบินคุณภาพที่มีสายการบินในไทยให้เลือกครบทั้งหมด อีกทั้งยังสะดวกในเรื่องของการจอง การจ่ายเงิน หลังจากที่ระบุวันเวลาและจุดหมายปลายทางเรียบร้อย เว็บไซต์ก็จะขึ้นสายการบินให้เลือก แสดงผลตั้งแต่ราคาถูกสุดจนถึงสูงสุด อีกทั้งยังเป็นราคา Net จ่ายเท่าที่เห็น ไม่มีบวกเพิ่ม ไม่มีจ่ายยิบย่อยและมีโปรโมชั่นส่วนลดมาให้ตลอด ดีงามพระรามเก้าขนาดนี้ไม่ลองนี่ถือว่าพลาดมาก
หลังจากที่เครื่องบินแตะรันเวย์สนามบินเชียงใหม่ กลิ่นอายความเป็นล้านนาก็เข้ามาในความรู้สึก เอ้ย!! เชียงใหม่มีเสน่ห์มากกว่าที่คิดนะ หลังจากนั้นเราก็เช่ารถมอเตอร์ไซค์และเตรียมแว๊นซ์ไปที่สถานีแรก คือ ถนนนิมมานเหมินท์หรือทองหล่อเมืองล้านนา ที่นี่ครบเครื่องไปด้วยที่พัก ร้านกาแฟและร้านอาหาร อีกทั้งยังสามารถเดินทางไปนั่นมานี่ได้สะดวกสบายสุดๆ
1. Hotel Yayee
– แวะมากี่ทีก็ติดใจ
พิกัด : ถนนนิมมานเหมินท์ ซ.สายน้ำผึ้ง
โทร : 099-2695885
Website: www.hotelyayee.com
Facebook: www.facebook.com/hotelyayee หรือจองโรงแรมยาหยี และชำระเงินได้ง่ายๆที่ http://www.traveloka.com/th-th/hotel/thailand/hotel-yayee-1000000516619
ในช่วงเช้าเราเลือก Check – in ที่ Hotel Yayee โรงแรมสุดชิคของอนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม นักแสดงหนุ่มขวัญใจสาวๆ มีจุดเด่นในเรื่องของการตกแต่งสไตล์บูทีคโฮเทลชั้นเยี่ยมที่ใส่ใจในทุกรายละเอียดทุกขั้นตอนจนเป็นที่สะดุดตาสะดุดใจของนักเดินทาง ห้องพักมีให้เลือกสองแบบคือ Big Room และ Small Room ในราคาเริ่มต้นคืนละ 2,400 – 2,800 บาท พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันไม่ว่าจะเป็นราวแขวนเสื้อผ้า โต๊ะเครื่องแป้ง น้ำดื่ม ชา กาแฟ และมินิบาร์ทานได้แบบฟรีๆ
อีกหนึ่งไฮไลท์ที่ไม่ควรพลาดสำหรับที่นี่คือ The Rooftop Bar บนชั้น 5 ที่มีดาดฟ้ามองเห็นวิวดอยสุเทพได้ไกลสุดลูกหูลูกตา ให้บริการทั้งอาหารและเครื่องดื่ม โดยเฉพาะค็อกเทลสุดพิเศษ Ananda’s Flyboy หนึ่งในแก้วโปรดของคุณอนันดาที่มีให้บริการอยู่ทุกคำ่คืน นอกจากนี้บุคคลภายนอกยังสามารถมาใช้บริการได้ตั้งแต่เวลา 17.00 – 23.00 น.
นอกจากนี้ด้านล่างของโรงแรมยังมี Hungry Heart Cafe เล็กๆ เปิดตั้งแต่เวลา 11.00-23.00 น. ให้บริการทั้งอาหารเช้า (All day breakfast) อาหารกลางวันและอาหารเย็น
เมนูอาหารเช้าที่ไม่ควรพลาดคือ Ananda’s Breakfast – อาหารเช้าคุณอนันดา ข้าวเหนียวธัญพืชจิ้มไข่ดาวเยิ้มๆ น้ำพริกตาแดง เสิร์ฟพร้อมไส้กรอก แหนมรวน ผักย่างตามฤดูกาล เด็ดโดนอย่าบอกใคร! ส่วนแขกที่ไม่ได้พักก็สามารถ Walk- in เข้ามาทานได้เช่นกัน ใครที่อยากมาพักแบบเราก็สามารถจองผ่าน Traveloka ได้ตามลิงค์ คลิกเลย
2. Rustic & Blue
– อู้ฮู้เด็ดจริง!
พิกัด : ถนนนิมมานเหมินท์ ซอย7
เวลาเปิดปิด : 08.30 – 22.00 น. หยุดวันจันทร์
โทร : 086-654-7178
Facebook : facebook.com/rusticandbluechiangmai
หลังจากเก็บของเสร็จเรียบร้อย เดินทางออกมาจากโรงแรมเพียงไม่กี่ซอย ก็เจอเข้ากับร้านอาหารเช้าสุดชิคสไตล์ mix&match american food ที่โดดเด่นในเรื่องความแปลกใหม่ของเมนูอาหารที่จัดเข้ากันอย่างลงตัว ท่ามกลางบรรยากาศสวนหลังบ้านสไตล์ฮิปสเตอร์ พร้อมมุมถ่ายรูปสุดเก๋ๆและเท่จนต้องยกกล้องขึ้นมาถ่ายรูปมือเป็นระวิง เมนูอาหารที่นี่นอกจากจะมีอาหารเช้าแล้ว ยังมีอาหารเย็นไว้ให้บริการด้วย หน้าตาอาหารแต่ละจาน จัดมาได้กินมากๆ เครื่องดื่มอื่นๆก็มิกซ์มาได้อย่างลงตัวเรียกได้ว่าฟินจนไม่อยากกลับกรุงกันเลยทีเดียว
3. หอมปากหอมคอ
– แก้วเดียวไม่พอขอสองนะจ๊ะ
พิกัด : ถนนนิมมานเหมินท์ ซอย 1
เวลาเปิด-ปิด: 10.00-19.00 น. ทุกวัน
โทร: 083-1543113
ยังคงวนเวียนกันอยู่ที่ถนนนิมมานเหมินท์ เพราะมีเสียงลือเสียงเล่าอ้างว่าย่านนี้มีคาเฟ่แห่งหนึ่งที่โด่งดังอย่างมากถึงเมนูโกโก้เย็นที่เข้มข้นถึงใจ รวมถึงบราวนี่ นุ่มเหนียวหนึบที่โดนใจสาวกช็อกโกแลตเลิฟเว่อร์เข้าอย่างจัง เพราะทุกเมนูเน้นใช้วัตุถุดิบเกรดพรีเมี่ยม บวกกับเป็นความชื่นชอบการทำขนมของคุณชะ เจ้าของร้าน ทุกชิ้นจึงทำออกมาจากใจเหมือนทำให้ตัวเองทาน ดังชื่อร้าน “หอมปากหอมคอ Heart Made Patisserie”
4. โครงการบ้านข้างวัด
– ต้องไปจัดให้ถึงใจ
พิกัด : ซอยวัดอุโมงค์ – วัดร่ำเปิง
เวลาเปิด -ปิด : 11.00-18.00 น. หยุดวันจันทร์
ในช่วงบ่ายที่แดดกำลังดี เราไปต่อกันที่ “โครงการบ้านข้างวัด” แหล่งชิลเอ้าท์แห่งใหม่ที่โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมบ้านไม้ผสมปูนเปลือยสุดคลาสสิค เกิดจากแนวคิดของคุณบิ๊ก – ณัฐวุฒิ รักประสิทธิ์ ที่ผุดไอเดียสร้างโครงการนี้ให้เป็นชุมชนท่องเที่ยว ทั้งแหล่งที่อยู่อาศัย ร้านขายของเน้นงานศิลปะและสินค้าแฮนด์เมด อีกทั้งยังเป็นสถานที่จัดกิจกรรมฮิปๆ ของร้านต่างๆ
บ้านในโครงการมีทั้งหมด 11 หลัง ไม่ว่าจะเป็น Bookoo Studio ช้อปจำหน่ายสินค้าเครื่องใช้ในครัวเรือน รวมถึงของตกแต่งบ้านไอเดียสร้างสรรค์, Orn The Rose จำหน่ายทั้งเสื้อผ้า หมวก กระเป๋า และเครื่องประดับน่ารักๆทำจากเซรามิค, ครัวหลานย่า ร้านอาหารพื้นเมืองต้นตำรับ, บุฟเฟ่ต์ @ home บุฟเฟ่ต์ขนมจีนหลากหลายสารพัดน้ำทั้งน้ำเงี้ยว น้ำยา, มาหาสมุด คาเฟ่ Library สไตล์ที่ให้บรรยากาศเหมือนมานั่งอยู่บ้านเพื่อน ฯลฯ นอกจากนี้ยังมีแปลงผัก โรงเพาะเห็ด สถานที่ทำ Workshop งานฝีมือและลานสำหรับทำกิจกรรมด้วย
5. Grand Canyon
– แหล่งเช็คอินแห่งใหม่ของวัยรุ่น
พิกัด : น้ำแพร่ อ.หางดง
เริ่มต้นเช้าตรู่วันอาทิตย์ด้วยการแว๊นซ์มอเตอร์ไซค์ไปสถานที่ Check-in ยอดฮิตที่เป็นกระแสในโลก Social Media อย่างมากถึงความสวยงาม ต้องยกให้ Grand Conyon อ.หางดง หรือ ‘บ่อดินกำนันมูล’ ที่ชาวบ้านแถบนั้นรู้จักกันดี จากเดิมที่เป็นบ่อดินร้างว่างเปล่าเพราะถูกขุดหน้าดินไปใช้ในการก่อสร้างถนน ถมที่ และโครงการหมู่บ้านจัดสรร นานกว่า 30 ปี บนพื้นที่กว่า 50 ไร่ แต่ปัจจุบันนี้ได้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ เพราะมีคนมาแบ่งซื้อที่ดินไปทำเป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจ ทั้งกีฬาทางน้ำอย่างเจ็ตสกี เรือพาย และสถานที่สำหรับลงเล่นน้ำ โดยคิดค่าเข้าคนละ 50 บาท แต่น้ำค่อนข้างลึกและอันตรายมาก ใครที่อยากลงเล่นน้ำก็อย่าลืมเตรียมชุดว่ายน้ำมากันด้วยนะ
6. เดินเที่ยวเส้นวัดเกต
– จิบกาแฟแลงานศิลป์
พิกัด : ถนนเจริญราษฎร์ ริมแม่น้ำปิง
มาถึงเชียงใหม่ทั้งทีถ้าหากจะไม่ไปสัมผัสวิถี Slowlife กันสักหน่อยคงมาไม่ถึง ในช่วงบ่ายก่อนกลับกรุงเราจึงขอแวะไปเดินเล่นย้อนเวลาที่ย่านนี้กันก่อนกลับ ถนนเจริญราษฎร์หรือที่เรียกกันว่าถนนเส้นวัดเกตการาม (เรียกสั้นๆว่า วัดเกต) ถนนสายวัฒนธรรมที่อยู่คู่เชียงใหม่มานานกว่า 500 ปี แหล่งวิถีชุมชนที่มีถึง 4 ศาสนาทั้งพุทธ คริสต์ อิสลามและซิกข์ สองข้างทางของย่านนี้จึงเต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมและตึกรามบ้านช่องเก่าๆให้ได้ชมตลอดทั้งสาย นอกจากนี้ยังมีร้านอาหารและร้านกาแฟเก๋ๆ ให้ได้เข้าไปลิ้มลองกันอยู่เพียบ ไม่ว่าจะเป็นเค้กบ้านเปี่ยมสุข ที่มีหมัดเด็ดอยู่ที่เมนูพายมะพร้าว หรือจะเป็นเวียงจุมออน ร้านชาที่มีชื่อเสียงติดอันดับต้นๆของเชียงใหม่ และยังมีบ้านไร่สเต็กเฮ้าส์ ที่อยู่คู่เชียงใหม่มากว่า 30 ปี และที่พลาดไม่ได้เลยคือ ข้าวเกรียบปากหม้อลุงจรวัดเกตที่มีความเหนียวหนึบเฉพาะตัวของแป้งราดด้วยน้ำกะทิหอมๆ บอกได้เลยว่าต้องลอง!!
หลังจากที่เที่ยวจนหนำใจก็ถึงคราวอำลาเชียงใหม่กันแล้ว เราบินกลับไฟล์ท 2 ทุ่ม โดยจองตั๋วเครื่องบินกลับกรุงเทพฯ ผ่าน Traveloka อีกเช่นกัน ทริปนี้ถึงแม้จะเป็นทริปกระชับมิตรสั้นๆแค่ 2 วัน 1คืน แต่ก็ถือว่าเป็นมาเชียงใหม่ครั้งแรกที่อิ่มเอมใจ ใครอยากมาเที่ยวเชียงใหม่แบบเราก็อย่าลืมวางแผนการเดินทาง การจองตั๋ว จองที่พักให้ดี บางทีเราอาจจะได้เจอกันที่เชียงใหม่อีกครั้งก็เป็นได้