ค่า GP คืออะไร? แต่ละแอปหักค่า GP เท่าไหร่ พร้อมวิธีคำนวณแบบเคลียร์ๆ

ค่า GP คืออะไร? แต่ละแอปหักค่า GP เท่าไหร่ พร้อมวิธีคำนวณแบบเคลียร์ๆ

ธุรกิจขายอาหารในปัจจุบันต้องพึ่งพาบริการ App Delivery มากขึ้น เพราะช่วยให้ลูกค้าเข้าถึงได้ง่าย สร้างรายได้มากกว่าแค่การขายหน้าร้านปกติ หรือต้นทุนในการที่ต้องไปส่งด้วยตนเอง แต่รู้หรือไม่ว่าจริง ๆ แล้วการใช้ระบบดังกล่าวนั้นจะมีค่าใช้จ่ายที่เรียกว่า ค่า GP เกิดขึ้น ซึ่งจำเป็นต้องทำความเข้าใจอย่างถูกต้องเพื่อจะได้คำนวณต้นทุนของรายการสินค้านั้น ๆ ว่าคุ้มค่าหรือไม่ ลองศึกษา ค่า GP คืออะไร กันดีกว่าค่ะ

ค่า GP (Gross Profit) คืออะไร

“ค่า GP คือ Gross Profit เป็นค่าใช้จ่ายหรือค่าธรรมเนียมที่ทางร้านต้องเสียให้กับบริการส่งอาหาร” เทียบแล้วก็คล้ายกับค่าดำเนินการที่บรรดาแพลตฟอร์มต่าง ๆ เรียกเก็บเพื่อเอาไว้โปรโมต หรือนำเสนอโปรโมชั่นต่าง ๆ ให้ลูกค้าสนใจในการสั่งซื้อมากขึ้น โดยแอปพลิเคชันแต่ละรายก็จะเรียกค่า GP ต่างกันออกไป  ปกติหากเป็นร้านอาหารดัง มีชื่อเสียง คนรู้จักอยู่แล้ว GP จะมีอัตราไม่แพงมากนัก อย่างไรก็ตามต้นทุนโดยเฉลี่ยของค่า GP นี้จะอยู่ราว 30-35% 

วิธีคำนวณค่า GP สำหรับร้านอาหาร

สูตรคำนวณค่า GP+ ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT 7%)

เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ชัดเจน และสามารถควบคุมต้นทุนพร้อมกำหนดราคาให้รายการอาหารแต่ละชนิดได้กำไรที่เหมาะสม ก็จำเป็นต้องรู้วิธีคำนวณค่า GP ของแอปฯ เหล่านี้ด้วยนะคะ ซึ่งในปัจจุบันแอปฯ แทบทั้งหมด จะมีการบวกภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% เข้าไปด้วย ตรงนี้เองค่ะที่หลายคนสับสนว่า สรุปแล้วเราจะต้องจ่ายค่าบริการนี้ทั้งหมด 37% เชียวหรือ? คำตอบคือ ไม่ใช่ค่ะ


ตัวอย่างการคำนวณ ค่า GP ของ Grab food

การคำนวณ VAT หรือ ภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% ของแอปฯ ส่งอาหารนั้นจะคำนวณจาก รายได้ที่พวกเขารับจากรายการสั่งอาหารนั้น ๆ ไปเรียบร้อยแล้ว เช่น

  • รายการอาหารที่สั่ง 100 บาท หัก ค่า GP 30% = แอปฯ มีรายได้ 30 บาท
  • รายได้ 30 บาท จะหักอีก 7% = 2.1 บาท
  • หมายความว่าทางร้านอาหารจะมีต้นทุนใช้บริการจากรายการดังกล่าวอยู่ที่ 32.1 บาท ค่ะ

จากตัวอย่างนี้จะเห็นว่า ใช้อัตรา 100 บาท ซึ่งเทียบเท่ากับค่าเปอร์เซ็นต์พอดี นั่นหมายความว่า ในการสั่งแต่ละรายการ ทางร้านสามารถใช้การคำนวณตามสูตรคือ ราคาขายของอาหาร – 32.1% = รายได้จริง 

สมมุติลองคำนวณอีกตัวอย่างนะคะ รายการอาหารที่ขายมีราคา 250 บาท หัก ค่า GP ที่รวม VAT 7% แล้ว ก็จะได้เป็น 250 – 32.1% = 169.75 บาท นี่คือรายได้ทั้งหมดจากการขายผ่านแอปฯ ส่งอาหารค่ะ (โดนหักไปทั้งสิ้น 80.25 บาท)

คราวนี้ลองมาดูต้นทุนที่ทางร้านคำนวณไว้คร่าว ๆ นะคะ สมมุติว่า ราคาสเต็ก 1 จาน 250 บาท หักค่า GP ไปแล้วก็จะเหลือ 169.75 บาท สมมุติต้นทุนอาหารคือ 150 บาท ก็จะเหลือกำไร 19.75 บาท เป็นต้น


เปรียบเทียบอัตราค่า GP ของแต่ละแอปเดลิเวอรี

เมื่อเข้าใจวิธีคำนวณแล้ว ลองมาดูกันสักนิดค่ะว่าแต่ละเจ้าใหญ่ที่เปิดบริการในประเทศไทยเป็นเท่าไหร่บ้าง

ค่า GP Food Delivery
การคิดค่า GP แต่ละแอพ

ค่า GP ของแอปพลิเคชันหลักในประเทศไทย

แพลตฟอร์มค่า GP (%)
Grab30%
Lineman30%
Shopee Food32%
Food Panda32%
Robinhood28%
  • Grab หักค่า GP 30%
  • Lineman หักค่า GP 30%
  • Shopee food หักค่า GP 32%
  • Foodpanda เตรียมยุติการให้บริการในวันที่ 23 พฤษภาคม 2568
  • Robinhood หักค่า GP 28%
  • True Food ยุติการให้บริการ

*ข้อมูล ณ วันที่ 26 มีนาคม 2568 และรายละเอียดขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละแพลตฟอร์ม

จุดเด่นของแต่ละแอป Food Deliverly

  • Grab ยืนหนึ่งในเมืองหลวง เข้าตลาดไทยมาเป็นเดลิเวอรีเจ้าแรก มีผู้ใช้งานมากที่สุด โดยในปัจจุบัน Grab มีผู้ใช้บริการมากกว่า 42 ล้านคนทั่วทั้งภูมิภาค มีคนขับและพาร์ตเนอร์ร้านค้าบนแพลตฟอร์มกว่า 13 ล้านราย
  • Lineman ด้วยความที่ไลน์แมนจับมือกับเว็บไซต์วงใน (Wongnai) – เว็บรีวิวอาหารอันดับหนึ่งของประเทศไทยที่มีข้อมูลร้านอาหารในกว่า 7 แสนร้าน ทำให้ LINE MAN Wongnai มีจำนวนร้านอาหารให้ลูกค้าได้เลือกเยอะ มีผู้ใช้งาน 10 ล้านคน และไรเดอร์ถึง 100,000 คน
  • Shopee Food ในระยะเริ่มต้น จะมีโปรโมชั่นปลอดค่าแรกเข้า เพื่อสร้างแรงจูงใจให้กับลูกค้าในแพลตฟอร์ม และมีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
  • Foodpanda เน้นตลาดต่างจังหวัด ด้วยการรุกเข้าไปในกว่า 77 จังหวัด และเตรียมยุติการให้บริการในวันที่ 23 พฤษภาคม 2568 นี้
  • Robinhood ปัจจุบันเป็นของ “ยิบอินซอย” โดยในตอนนี้ Robinhood มีโปรแกรมส่วนลดดีดีพลัส ซึ่งจะเป็นการเปิดโอกาสให้ร้านค้าได้รับสิทธิประโยชน์พิเศษในการเข้าร่วมกิจกรรมส่งเสริมการขายในแอปพลิเคชันมากยิ่งขึ้น
  • True Food ณ ปัจจุบัน True Food ได้ยุติการให้บริการแล้ว

แม้จะมีความสะดวกสบายในการได้ลูกค้าเพิ่มขึ้น แต่ทางร้านก็จำเป็นต้องคำนวณต้นทุนให้ดีนะคะ เพื่อจะได้ไม่ขาดทุน และยังคงดำเนินธุรกิจของตนเองต่อไปได้

ใครที่อยากรู้ว่ามีร้านไหนในเชียงใหม่ที่มี Food Delivery อย่าลืมเข้าไปเช็คที่เว็บไซต์รีวิวเชียงใหม่ หรือคลิกตรงนี้ได้เลย นอกจากเรื่องนี้เรายังมีเรื่องราวที่น่าสนใจมากมาย ทั้งที่กิน ที่เที่ยว ที่พัก ไลฟสไตล์ มาอัปเดตให้กันอย่างสม่ำเสมอ


รีวิวอื่นๆที่น่าสนใจเกี่ยวกับเดลิเวอรี่

Relate Posts :

Message us