เชียงใหม่บินตรงหาดใหญ่ ทริปดีต่อใจ แอ่ววนไป 4 วัน 3 คืน

ททท. จับมือกับ Air Asia จัดแคมเปญ “ท้าเที่ยวข้ามภาค”
ส่งสาวเจียงใหม่จากเขาสู่ทะเล เดินทางเหนือสุดไปใต้สุด ใกล้นิดเดียว
โปรโมชั่นบินตรง เชียงใหม่-หาดใหญ่ เริ่มต้นที่ 456 บาทเองง (มีบินทุกวันด้วยนะเอ้ออ)


เขาว่ากันว่า เรื่องราวเก่าๆ คลาสสิค จะทำให้หวนคำนึงคิดถึง
แล้วกลับมา มองเห็นรายละเอียดชีวิต ที่ธรรมดาแต่พิเศษในปัจจุบัน

เชียงใหม่ถึงหาดใหญ่

สวัสดีเจ้าาาา ไนซ์ สาวเชียงใหม่ได้ไปเที่ยวทริปหาดใหญ่-สงขลา-หลีเป๊ะ-สตูล
บังเกิดเป็นทริปชิวชิว เที่ยวตามได้ตามลายแทง กิน เที่ยว เล่น กิน เที่ยว ทะเลลลล
ตัวเราเองนั้น ชอบสัมผัสภาพด้วยสายตาเป็นหลัก ให้ภาพเล่าเรื่อง //


วันที่ 1 เมืองเก่าน่าฮัก

เริ่มต้น ทริปด้วย เขาตังกวน 
จุดชมวิวสูงสุดด ชมเมืองสงขลาแบบ 360 องศา

เลือกเอาค่ะ? ว่าจะขึ้นด้วยลิฟท์หรือบันได
(ส่วนตัวไนซ์ขอตัวขึ้นลิฟท์จ้าาาา)

เปิดบริการทุกวัน 08.30 น. ถึง 18.00 น. | ค่าตั๋ว ผู้ใหญ่ 30 บาท เด็กน้อย 20 บาท

“Love Locks” ล็อกกุญแจรัก : ความเชื่อเรื่องความรักยั่งยืนตลอดไป
รักแล้ว ล็อคเลย โยนกุญแจทิ้งไป

 สำหรับไนซ์เชื่อว่า
“ความรักที่ดี เติบโตเหมือนต้นไม้ หมั่นใส่ใจดูแลรดน้ำแต่พอดี
ให้แสงแดด ปัจจัยภายนอก เกื้อหนุนเติบโตตามเวลา”

ชมวิวเมืองสงขลา ท้องฟ้าและทะเล
เมืองเดียวที่รวม พุทธ-มุสลิม-จีน ไว้ด้วยกัน อย่างกลมเกลียว

“ศาลาพระวิหารแดง” : พลับพลาที่ประทับของรัชกาลที่ 4


พักเที่ยงกันสักหน่อยค่ะ
มาภาคใต้แล้ว ต้องโดนน!อาหารทะเลเจ้าาาาาา

ข้าวผัดกุ้ง กุ้งนึ่ง ปูนึ่ง น้ำจิ้มซีฟู้ดแซ่บๆๆๆๆ ต้มยำทะเลเอยย

ร้านนายหวาน หาดสมิหลาา จัดไปปปปป


มากันที่ “หับ โห้ หิน” อาคารเก่าสีแดง โรงสีข้าวเก่าแก่คู่เมืองสงขลา
สถานที่เรียนรู้ประวัติความเป็นมาของเมืองสงขลา ตอนนี้กำลังเน้นการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมอีกด้วยค่ะ

“หับ โห้ หิน”
ภาษาจีนฮกเกี้ยน แปลว่า ความสามัคคี กลมเกลียว เจริญรุ่งเรือง


มาต่อกันที่ชุมชนย่านเมืองเก่ากันค่ะ
จุดเด่นอยู่ที่ Street Art ที่เพ้นท์ตรงกำแพง
มีมุมสวยๆให้ได้ถ่ายรูปชิคๆอาร์ตๆ ซ่อนอยู่ตามมุมต่างๆตลอดเส้นทางเลยล่ะ

พบของกินประจำถิ่นได้ระหว่างทางเลยยย

ไอศครีมโอ่ง สงขลา
เริ่มต้นจาก ไอศครีมไข่แข็ง (30 บาท)
หรือที่ขึ้นชื่อในนาม “ไอศครีมโอ่ง”

ร้านนี้มีลูกชิ้นปลาทอดด้วยนาา เรียกว่า ปลาปัง!!

เดินไปสักพักพบกับ ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง

ออกมาพบกับ ซาลาเปายักษ์ (35 บาท) ใหญ่มากกกก อร่อยด้วยยยย
ขนาดเท่ามือของไนซ์เลยล่ะ! (ปล.แอบบอกว่า เราเก็บไว้กินกลางคืน แป้งก็ยังนิ่มเหมือนเดิม)


ขนมการอจี้ สูตรโบราณ (20 บาท)
จะลักษณะแป้งหนึบๆหน่อย ข้างนอกเกรียมๆนิดนึง

“สำหรับเรา ความทรงจำที่ชัดและนึกออก เวลากลับบ้าน
ไม่ใช่ภาพรวมที่สายตาจับต้องไม่ได้ แต่คือ ความประทับใจเล็กๆ ที่เห็นภาพชัดเจนในความรู้สึก”

ซึ่งเมืองสงขลามีสิ่งนั้น เป็นเมืองที่น่ารักและอยากกลับมาอีกครั้ง


วันที่ 2 ทะเลสีฟ้าตี้เกาะหลีเป๊ะ

เดินทางจากหาดใหญ่ไปสตูลประมาณ 2 ชั่วโมง
ตื่นเต้น! จะได้ไปเที่ยวทะเลแล้วววววว

เรามาขึ้นเรือที่ท่าเรือปากบารา จังหวัดสตูล เพื่อเดินทางไปเกาะหลีเป๊ะ

ครั้งนี้ออกทริปไปกับบ้านปันแทรเวล มีหลากหลายทริปให้เลือก ทั้งที่พักและราคา ตามงบจัดสรรเลย อิอิ

ออกเรือพร้อมกับไกด์ พี่เชนสุดหล่อออ ดูแลตลอดการเดินทาง~
จากท่าเรือปากบาราไปถึงเกาะหลีเป๊ะ ใช้ระยะเวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมง
ซึ่งทริปนี้ จะมีการแวะเที่ยวชมเกาะ ทานข้าวมีวิวเป็นทะเลและดำน้ำดูประการัง

“ทะเลไม่หนีร้อนก็หนีรัก
แต่เราหนีมาพัก เดินทางเพื่อรู้จักตัวเอง”


สถานีแรก เกาะอาดัง ราวี
เราแวะทานข้าวเที่ยงกันที่นี่ คนค่อนข้างเยอะ ลิงค่อนข้างแยะ อยู่ร่วมกัน
หาดทรายสีขาว น้ำทะเลสีฟ้าใส ชิงช้าใต้ต้นไม้ใหญ่ 😀


เดินทางต่อไป สถานีที่สอง เกาะหินงาม อุทยานแห่งชาติตะรุเตา
หาดก้อนหินสีดำล้วน หินจะเปล่งประกาย! วาววับ เมื่อโดนน้ำทะเล
ห้ามเก็บหินกลับไปน่ะ ไม่งั้นได้กลับมาคืนแน่ๆ หินต้องคำสาปของเจ้าพ่อตะรุเตานะเจ้าค่ะ

เราชอบคิดว่า
“ต้องเก็บบางสิ่งติดตัวกลับไปสักอย่าง
แต่ความจริงแล้ว บางสิ่งนั้นได้เก็บอยู่ในใจไปแล้ว”


ดำน้ำดูประการังเจ็ดสี บริเวณร่องน้ำจาบัง


เดินทางมาถึงเกาะหลีเป๊ะ หาดทรายสีขาว น้ำทะเลสีฟ้า
ไม่น่าเชื่อว่า เราจะมาได้ไกลขนาดนี้ เหนือสุดกับใต้สุดเลยนะ


ช่วงเย็นพลบค่ำระหว่างพระอาทิตย์ตก บรรยากาศดีมากๆ ไม่น่าเชื่อว่าสัมผัสได้ด้วยสายตาจริง
 ท้องฟ้าสี Vanilla Sky สีชมพูเหลืองอ่อนทาบกับสีฟ้าอ่อนของน้ำทะเลและหาดทรายสีขาว
” อยากให้มาอยู่ตรงนี้ ด้วยกัน ^^ “

เดินเล่นที่ ถนนคนเดินหลีเป๊ะ นักท่องเที่ยวเยอะแยะเลยล่ะ
โดยเฉพาะฝรั่งและคนไทย ที่นี่ ไม่ค่อยพบเห็นคนจีนมากนัก

ร้านนี้ เด็ดมากกกก ขอบอกกกก
กุ้งตัวใหญ่สุดยอดดดด ปูนิ่มผัดผงกะหรี่ 250 บาท ได้เยอะสุดดด

ชมบรรยากาศร้านรวงถนนคนเดินกัน


ร้านดังประจำเกาะหลีเป๊ะ ร้านโรตีชาชัก เตอร์บิลัง
เรามิได้ชิม เพราะรอนานมากกกกกกกกกกกกกกกก


วันที่ 3 ฝ่าคลื่นพบหัวใจ

เช้าวันใหม่ สดใส เจ้าหมาทะเลน่ารัก

กลับเข้าท่าเรือปากบารากัน
เดินทางยาวเลยรอบนี้ 2-3 ชั่วโมง เห็นแต่คลื่น ทะเลรอบทิศ
เจอพายุเข้าวันแรกด้วย ไนซ์และพี่ๆร่วมทริปทุกคนเกือบไม่รอดค่ะ
แนะนำให้เช็คช่วงพายุเข้าแบบจริงจัง ก่อนเดินทางเสมอค่ะ !!!! T____T

“ชีวิตคิดได้ ตอนที่จะไม่มีชีวิต”
นี่เป็นเรื่องจริงนะคะ


หลังจากผ่านพ้นพายุ รอดมาขึ้นเกาะได้ เจอไกด์สาวน่ารัก น้องเมย์รอเราอยู่ ค่อยชื้นใจเลยค่ะ
น้องทำงานกับ ECO-Tourism เป็นวิสาหกิจชุมชนกลุ่มท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์บ้านปากบารา
รายได้ส่วนหนึ่งเข้าชุมชนและก่อเกิดรายได้ให้ชาวบ้าน ได้ทำงานที่รักและอยู่ทะเลไม่ต้องจากไปไหน

ชอบจังเลย เวลามีคนทำสิ่งที่รักอยู่
สัมผัสได้จากดวงตาเป็นประกาย รอยยิ้ม และการพูดที่เต็มไปด้วยหัวใจ
น้องน่ารักและมีแพชชั่นมากๆค่ะ ไกด์สาวคนเดียวของที่นี่เลย!

 พายเรือคายัคเยี่ยมชมปราสาทหินพันยอด อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตรา

เราตัวนิดเดียว เมื่อเทียบกับความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติ : )

เดินชมเกาะหินปูน เกาะเขาใหญ่ ที่มีฟอสซิลยุคดึกดำบรรพ์และ”หัวใจแห่งมหาสมุทร”

“หัวใจมหาสมุทร” ต้องปีนขึ้นไปจึงจะมอง
ธรรมชาติรังสรรค์อย่างแท้จริง คนที่สังเกตต้องมีหัวใจ

และแล้วก็กลับถึงฝั่ง เดินทางเข้าตัวเมืองสตูลกัันต่อค่ะ


ค่ำคืนนี้ ปิดท้ายด้วยโรตี แผ่นใหญ่มากกกก
ที่ร้าน ที่นี่บังฟาน ชาชัก-โรตี เมืองสตูล


วันสุดท้าย วันที่ 4 จากไมตรีเพื่อเริ่มต้นมิตร

พิพิธภัณฑ์แห่งชาติสตูล สวยงามมาก
เสียดายไม่ได้เยี่ยมชม เพราะหยุดทุกวันจันทร์


เยี่ยมชมและซื้อของฝากจากสตูล
“ขนมผูกรัก” ขนมปอเปี๊ยะจิ๋ว ไส้ปลา
แป้งกรอบ ไส้หวานกำลังดี หยิบกินเพลินไม่รู้ตัว


ปิดท้ายด้วยอาหารทะเลก่อนกลับเชียงใหม่
ร้าน ตันหยงบุรี ดารุสสาลาม จังหวัดสตูล อร่อยสุดๆ
กุ้งตัวใหญ่มากกกก ปูสดดด กั้ง ปลาสมุนไพรและเมนูแปลก “สันหลังมังกร”


ขอบคุณมิตรภาพจากพี่สื่อที่น่ารักทุกท่าน และเจ้าหน้าที่ททท.ที่ดูแลและอยู่ด้วยกันมาตลอดทั้งทริป

“ท้าเที่ยวข้ามภาค”
รีวิวเชียงใหม่ , แอ่วดีรีวิวReview , อีจันบันเทิง , รีวิวอีสาน , เลาะ ,รีิวิวอุดร , จส100 ,
กฤษณะทัวร์ยกล้อ , Trip Travel Gang , Nation , ททท.หาดใหญ่
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และ Air Asia



การเดินทางครั้งนี้ จะเกิดขึ้นไม่ได้เลย ต้องขอขอบคุณ แคมเปญ “ท้าเที่ยวข้ามภาค” 
เชียงใหม่บินตรงหาดใหญ่ ง่าย สะดวก รวดเร็ว บินมาเที่ยวทะเลเหมือนอยู่ดอยสุเทพ


“กลับบ้านกัน รักรออยู่”

Relate Posts :