4 ที่เที่ยว สุข สนุก ได้ทั้งวันที่เชียงใหม่ กับ City Life Tourism

เปิดมุมมองของการเที่ยวเชียงใหม่ที่ไม่ได้มีแต่เขตเมืองเก่า สถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาตินอกเมือง ย่านนิมมานฯ หรือร้านกาแฟสวยๆ เพราะเชียงใหม่มีหลากหลายแง่มุมน่าสนใจให้ค้นหา จากโครงการโปรโมทการท่องเที่ยวเชียงใหม่ของ City Life Tourism (CLT) ที่มุ่งเน้นการท่องเที่ยวที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและช่วยส่งเสริมรายได้ให้แก่ชุมชน ทำให้เรารู้จักกับที่เที่ยวน่าสนใจในเชียงใหม่ ที่นอกจากจะสุขสนุกทั้งวันแบบฟรีๆ แล้ว ยังได้ความรู้และเรื่องราวดีๆ ที่เชียงใหม่มอบให้แก่เราอีกด้วย

บรรดาผู้เข้าร่วมกิจกรรม ‘สุขสนุกทั้งวันได้ที่เชียงใหม่’ กับ CLT ก่อนออกทริป งานนี้คนชอบเที่ยวฟรีมากันเพียบ

โครงการนี้แบ่งกิจกรรมออกเป็น 4 วัน 4 ธีม ได้แก่ 1. ทำบุญได้ทั้งวันที่เชียงใหม่  2. ช้อปปิ้งได้ทั้งวันที่เชียงใหม่ 3. สุขสนุกได้ทั้งวันที่เชียงใหม่ 4. อร่อยได้ทั้งวันที่เชียงใหม่ แต่ละวันใช้เวลาตั้งแต่ 09.00-15.30 น. สำหรับกิจกรรม สุขสนุกได้ทั้งวันที่เชียงใหม่ เริ่มต้นลงทะเบียนที่ด้านข้างอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ จากนั้นก็เริ่มต้นทริปด้วยการเดินไปยังที่เที่ยวแห่งแรกกันเลย


1. หอศิลปวัฒนธรรมเชียงใหม่

พิกัด ถนนราชวิถี ด้านหลังอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ เยื้องกับห้องสมุดฟื้นบ้านย่านเวียงเชียงใหม่
เวลาเปิด-ปิด 08.30-17.00 น. หยุดวันจันทร์
โทรศัพท์ 053-217793 ,053-219833

วิทยากรกำลังเล่าเรื่องเกี่ยวกับประวัติและที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ของเชียงใหม่ ตั้งอกตั้งใจฟังกันเชียว

เดิมทีเป็นศาลาว่าการมณฑลพายัพ และเคยเป็นศาลากลางจังหวัดมาก่อน หลังจากย้ายศาลากลางเทศบาลนครเชียงใหม่ไปยังเส้นโชตนาปัจจุบัน จึงปรับปรุงอาคารเพื่อใช้เป็นพิพิธภัณฑ์ เพื่อจัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของเมืองเชียงใหม่ และวิถีชีวิตวัฒนธรรมท้องถิ่น นับตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ ด้านในหอศิลปวัฒธรรมมีการจำลองเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์ โดยมีทั้งภาพจำลอง สถานที่จำลอง หุ่นชาวบ้าน เสื้อผ้าและสิ่งของเครื่องใช้ในยุคนั้น รวมทั้งใช้สื่อใหม่ เช่น คลิปวิดีโอ หนังสั้น มาประกอบเล่าเรื่องให้ดูน่าสนใจมากยิ่งขึ้น พร้อมด้วยคำบรรยาย 2 ภาษา ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ใครจะชวนเพื่อนชาวต่างชาติมาทำความรู้จักกับเชียงใหม่ มาเที่ยวที่นี่รับรองได้ความรู้อย่างแน่นอน แต่อย่าว่าชาวต่างชาติเลย ขนาดคนไทยและคนเชียงใหม่ด้วยกันเองยังเดินเที่ยวชมกันเพลินเลย แถมบางเรื่องก็เพิ่งมารู้ในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ด้วย ค่าเข้าชมเพียง 20 บาทเท่านั้น คุ้มสุดๆ

การจัดแสดงตัวอย่าง แผนผัง และแบบจำลองในพิพิธภัณฑ์ที่ทำให้เข้าใจเรื่องราวได้ชัดเจนขึ้น
ใครว่าพิพิธภัณฑ์น่าเบื่อ เห็นที่ต้องเปลี่ยนความคิดใหม่ เพราะมาแล้วได้ทั้งความรู้และความสนุกไปในตัว หลังจากเก็บความรู้เกี่ยวกับเชียงใหม่มาเต็มสมองแล้ว ก็ออกเดินทางด้วยสามล้อ ยานพาหนะเก่าแก่ของบ้านเรา ไปยังสถานที่ต่อไปกันเลย
นั่งสามล้อเชียงใหม่แล้วมุ่งหน้าเดินทางกันต่อเลย

2. Art In Paradise

พิกัด ช้างคลาน (ห้างสรรพสินค้าสีสวนเก่า)
เวลาเปิด-ปิด 09.00-21.00 น. ทุกวัน
โทรศัพท์ 053-274100 ทุกวัน
Facebook  Art in Paradise – Chiang Mai


อดีตห้างสรรพสินค้าสีสวน ตอนนี้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์จิตรกรรมสามมิติ มาถึงแล้วต้องเตรียมกล้องให้พร้อม

คนเชียงใหม่รุ่นคุณพ่อคุณแม่รู้จักสถานที่แห่งนี้กันดีในฐานะอดีตห้างสรรพสินค้าสีสวน ห้างชื่อดังอีกแห่งของเชียงใหม่ ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์รวมผลงานจิตรกรรมฝาผนังแบบสามมิติ ให้คนที่ชื่นชอบการถ่ายภาพมาสนุกสนานกัน ก่อตั้งโดยคุณจาง คยู ซุค (Mr. Jang Kyu Suk) ชาวเกาหลีใต้ ผู้รวบรวมผลงานศิลปะ ร่วมกับจิตรกรชาวเกาหลีมืออาชีพที่มีผลงานในระดับประเทศ มาสรรค์สร้างจิตรกรรมบนฝาผนังแบบเสมือนจริง โดยแบ่งออกเป็นเป็น 8 โซน ได้แก่ โซน Aqua ผจญภัยท่องโลกใต้สมุทร โซน Zoo ที่เต็มไปด้วยสัตว์นานาพันธุ์ โซน Dinosaur ย้อนยุคกลับไปยังดินแดนสัตว์โลกล้านปี โซน Surrealism รวมผลงานศิลปะเหนือจริง โซน Classic Art ใครๆ ก็กลายเป็นศิลปินชื่อก้องโลกได้ โซน Lanna สนุกกับวัฒนธรรมท้องถิ่นอันล้ำค่า โซน Thai เพลิดเพลินไปกับประเพณีและการละเล่นไทย และโซน Egyptian เปิดประตูไปสู่ดินแดนอียิปต์อันลี้ลับ เรียกได้ว่าถ่ายภาพกันจนมือเป็นระวิงจนเมมโมรี่เต็ม แบตเตอรี่อ่อนกันเลยทีเดียว เพราะใช้เวลานานกว่าชั่วโมงครึ่งเลยทีเดียวถึงจะเดินเที่ยวและถ่ายรูปครบทุกห้อง

โซน Aqua จิตรกรรมโลกใต้ท้องทะเล มาถึงก็เตรียมโพสท่าถ่ายรูปกันทันที

ภาพสามมิติของโซนต่างๆ งานนี้เหนื่อยทั้งนางแบบเหนื่อยทั้งช่างภาพ เพราะมีมุมเด็ดๆ ให้ถ่ายรูปเยอะเหลือเกิน

เสร็จแล้วแวะทานก๋วยเตี๋ยวต้มยำสุโขทัยในซอยข้าง Art in Paradise ไม่ไกลมาก เป็นร้านก๋วยเตี๋ยวเจ้าดังของเชียงใหม่ก็ว่าได้ ทานอาหารเสร็จเตรียมตัวขึ้นรถแดงไปยังจุดหมายต่อไปเลย

แวะเติมพลังที่ร้านก๋วยเตี๋ยวต้มยำสุโขทัยกันก่อน

3. วัดชัยมงคล

พิกัด ถนนเจริญประเทศ ช้างคลาน

หน้าวัดชัยมงคล วัดที่คนเชียงใหม่นิยมมาลอยกระทงและปล่อยโคมลอยกันที่นี่ เพราะอยู่ริมแม่น้ำปิง

วัดร่มรื่นที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำปิงแห่งนี้ คนเชียงใหม่คุ้นเคยกันดีโดยเฉพาะช่วงเทศกาลลอยกระทง เนื่องจากทำเลที่อยู่ริมแม่น้ำ ทำให้ผู้คนนิยมมาลอยกระทงและปล่อยโคมลอยที่นี่กันอย่างคราคร่ำ วัดชัยมงคลเดิมเป็นวัดมอญ (เม็ง) ชื่อเดิมคือวัดมะเล่อหรือวัดมะเลิ่ง (แปลว่ารุ่งแจ้ง รุ่งอรุณ) ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 5 พระราชชายาดารารัศมีขอพระราชทานเปลี่ยนชื่อใหม่เป็นวัดชัยมงคล นอกจากชาวพุทธจะมาไหว้พระ ถวายสังฆทาน เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตแล้ว ที่นี่ยังมีท่าน้ำให้ปล่อยปลาอีกด้วย แต่กิจกรรมวันนี้ไม่ได้มาแค่เที่ยวชมวัดเฉยๆ แต่จะมานั่งเรือที่ท่าน้ำในวัดเพื่อชมทิวทัศน์สองฝั่งแม่น้ำปิงกัน ซึ่งการนั่งเรือชมแม่น้ำปิงนี้ปกติต้องติดต่อล่วงหน้า โดยค่าบริการขั้นต้นคนละ 500 บาท สามารถสอบถามรายละเอียดที่ท่าเรือได้


ท่าเรือในวัดชัยมงคล เที่ยวเชียงใหม่ได้นั่งเรือชมวิวด้วยนะเออ
บรรยากาศสองฝั่งริมแม่น้ำปิง มีวิทยากรบรรยายบนเรือตลอดเส้นทาง

พอได้นั่งเรือชมบรรยากาศสวยๆ ของริมแม่น้ำปิง ผ่านจุดสำคัญของเชียงใหม่ เช่น ขัวเหล็ก สะพานเนาวรัฐ สะพานนครพิงค์ เจดีย์ขาว สะพานรัตนโกสินทร์ และร้านอาหารริมแม่น้ำปิงนับสิบๆ ร้าน ได้ความรู้สึกไปอีกแบบ จากที่เคยขี่มอเตอร์ไซค์เลียบฝั่งเห็นภาพแม่น้ำอยู่ไกลๆ แต่พออยู่ในเรือบนน้ำแบบนี้ ภาพที่เคยมองเห็นดูเปลี่ยนไปเลย ถือเป็นอีกประสบการณ์หนึ่งที่อยากให้ลองดูจริงๆ ใช้เวลานั่งเรือรับลมเย็นๆ ประมาณ 1 ชั่วโมง ก็ถึงท่าเรือบ้านชาวนา

ภาพเดิมๆ ที่เคยเห็น แต่พออยู่บนเรือกลับสวยงามไปอีกแบบ

4. บ้านชาวนา

พิกัด ตรงข้ามวัดท่าหลุก สันผีเสื้อ ติดแม่น้ำปิง

หมู่บ้านที่ยังคงวิถีชีวิตแบบดั้งเดิม และยังเป็นที่ท่องเที่ยวสีเขียวอีกแห่งในเชียงใหม่ด้วย

ถึงแม้เชียงใหม่จะพัฒนาความเป็นเมืองไปแค่ไหน แต่ยังคงมีหมู่บ้านชาวนาที่ยึดหลักเศรษฐกิจแบบพอเพียง ปลูกผักสมุนไพร เลี้ยงหมู ปลูกข้าว แบบวิถีชาวนาดั้งเดิมอย่างแท้จริงอยู่ โดยหมู่บ้านชาวนาแห่งนี้ถือเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ เพราะเป็นทั้งที่เที่ยวเชิงวัฒนธรรม แสดงให้เห็นวิถีชีวิตชาวบ้านอันเรียบง่าย แต่เปี่ยมด้วยเสน่ห์แบบท้องถิ่น และยังเป็นการท่องเที่ยวสีเขียวหรือการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอีกด้วย นอกจากจะได้เห็นการจำลองปลูกข้าว การปลูกผัก การปลูกสมุนไพรไทย และการเลี้ยงสัตว์แล้ว ชาวบ้านที่นี่สามารถให้ความรู้เกี่ยวกับพืชสมุนไพร การเกษตร และปศุสัตว์ ให้แก่คนที่แวะเวียนไปได้อีกด้วย อีกทั้งยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยวเพียบ

แปลงสาธิตนาข้าวของชาวนาที่จำลองมาให้เห็นกันจะๆ
ตัวอย่างการเลี้ยงหมูป่าด้วยผลไม้ ทำให้ไม่มีกลิ่นเหม็นเหมือนเล้าหมูทั่วไป

ถือเป็นกิจกรรมปิดทริปที่นอกจากจะได้ความรู้แล้ว ยังได้เก็บความประทับใจในวิถีไทย ที่สะท้อนให้เห็นถึงเสน่ห์ของเชียงใหม่ อันเป็นการผสมผสานระหว่างการใช้ชีวิตแบบเรียบง่ายที่ไม่เปลี่ยนแปลงตามเมืองที่กำลังพัฒนาไปอีกด้วย แล้วมาพบกับกิจกรรม อร่อยได้ทั้งวันที่เชียงใหม่ กับ City Life Tourism (CLT) ได้เร็วๆ นี้ครับ

จบทริปวันนี้แล้ว สนุกสุดๆ เลย

ท่านใดมีที่เที่ยวสุขสนุกที่เชียงใหม่ได้ทั้งวัน แนะนำเจ๋งเข้ามาได้ อย่าลืมแวะมา Comment มาแชร์ให้เจ๋งได้รู้ตามช่องด้านล่างหรือ

  

เจ๋งจะตามไปรีวิวอย่างทันท่วงที

Relate Posts :