บินตรงเชียงใหม่ฮ่องกง – รวม 14 ที่เที่ยวฉบับขาลุยเดินกระจุยลุยกระจาย

ตื่นเต้นทุกครั้งที่ต้องเดินทางไปต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศที่เราไม่เคยไป ไม่มีคนรู้จัก ไม่มีเพื่อนอยู่ที่นั่น จะสื่อสารจะคนบ้านเขายังไงถ้าเกิดเขาไม่พูดภาษาอังกฤษ หลงทางจะทำยังไง ถ้าเจอที่พักแย่ๆจะทำยังไง ทั้งหมดนี้ทุเลาลงได้ด้วยการเตรียมตัวที่ดี แต่ถึงอย่างไรก็ตามความสนุกมันอยู่ที่ประสบการณ์ที่ได้รับระหว่างการเดินทาง รายละเอียดเล็กๆน้อยๆของเมืองฮ่องกงแห่งนี้คือสีสันที่นำมาบอกเล่ากัน เมืองเล็กๆที่มีเสน่ห์น่าหลงไหล ขากลับเราไม่ยอมแลกคืนบัตร Octopus เพราะตั้งใจไว้ว่าจะกลับมาอีกแน่นอน

1. เมื่อไปถึงสนามบิน Chek Lap Kok 

ที่ตั้ง: Chek Lap Kok – Hong Kong International Airport
ค่าใช้จ่าย: แล้วแต่สายการบิน
ตื่นเต้นตั้งแต่อยู่บนเครื่องแล้ว เครื่องออก 06.00 AM. ถึงฮ่องกง 09.00 AM ตื่นตั้งแต่ตีสามเรียกแท๊กซี่มารับตีสามครึ่ง เข้าคิวเช็คอินโหลดกระเป๋ากับรอเจ้าหน้าที่ตม.หนึ่งชั่วโมงถ้วน อยู่บนเครื่องก็หลับๆตื่นๆ เห็นท้องฟ้าแสงสวยพระอาทิตย์กำลังขึ้นก็รีบคว้ากล้องมาถ่าย 08.30 AM. ถึงสนามบินก่อนเวลาครึ่งชั่วโมง อากาศเย็นกว่าบ้านเรา 5-6 องศา (เดือนธันวาคม) เครื่องลงที่ Terminal 2 ต้องเดินมาขึ้นรถบัสเพื่อไปตรวจคนเข้าเมืองและรับกระเป๋าที่ Terminal1 ลองไปเข้าห้องน้ำดูชักโครกเขาเป็นแบบลอยๆยึดติดกับผนัง แน่นอนว่าไม่มีสายฉีดชำระพื้นห้องน้ำจึงแห้งสะอาดมาก กดมือถือเล่นพบว่ามีฟรี WIFI ทั่วบริเวณสนามบินแถมยังเร็วเสียด้วย
คิวตรวจคนเข้าเมืองค่อนข้างยาวแต่เจ้าหน้าที่เขาตรวจเร็ว เสร็จแล้วเดินออกมารอรับกระเป๋า เดินออกมาก็เลือกว่าจะเข้าเมืองยังไง เราเลือกใช้บริการรถไฟ Airport Express เพราะสะดวกรวดเร็วดี จ่ายคนละ 100$ จากนั้นเดินไปซื้อบัตร Octopus ตรงเคาน์เตอร์คนละ 200$ ได้เงินในบัตรมา 150$ ส่วนอีก 50$ เป็นค่ามัดจำบัตรจะได้คืนตอนที่เราเอาบัตรมาแลกคืน ก่อนขึ้นรถไฟแวะนั่งจิบกาแฟที่ McDonald เสียงเพลงคริสมาสต์เปิดทั่วบริเวณต้อนรับเทศกาลที่กำลังจะมาถึง
รถไฟที่นี่เร็วจริงๆจากสนามบินมาถึงสถานี Hong Kong เพียง 24 นาที บนรถเหมือนจะมี WIFI แต่เป็นแบบต้องลงทะเบียนท่าทางยุ่งยากสนใจวิวข้างทางดีกว่า บ้านเมืองเขาสวยดีตึกสูงๆเต็มไปหมด เผลอแป๊ปเดียวมาถึงสถานีฮ่องกงแล้ว เดินต่อไปใช้บริการ Free Shuttle Bus มีให้บริการหลายเส้นทาง เราพักแถว Sheung Wan แต่โรงแรมของเราไม่เป็นจุดจอด ไม่เป็นไรเลือกไปลงโรงแรมที่ใกล้ๆคือ Holiday Inn แล้วเดินลากกระเป๋าไม่ถึง 5 นาทีก็ถึงที่พักของเราโรงแรม LBP
เครื่องจากเชียงใหม่พร้อมบินละจ้า
พุ่งทะยานสู่จุดหมายเมืองฮ่องกง
แสงแรกยามเช้าก่อนถึงฮ่องกง (เวลาที่ฮ่องกงเร็วกว่าบ้านเรา 1 ชั่วโมง)
จากสนามบินเข้าเมืองใช้บริการ Airport Express สะดวกมากเพียง 24 นาที สังเกตุใต้เบาะโล่งหมดเอาไว้สอดกระเป๋าได้
วิ่งยาวแวะจอดเพียงสองสถานีก็ถึงใจกลาง Central เลย ขีดไฟเป็นจุดๆคอยบอกว่าตอนนี้เราถึงไหนแล้ว
เสร็จแล้วมาต่อ Free Shuttle Bus ไปโรงแรมที่พักได้เลยสะดวกกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว
มีสาย H1 and H2 วิ่งไปคนละทิศทาง ใกล้เส้นไหนเลือกขึ้นได้เลยรถออกทุก 20 นาที

………………………………………

2. Sheung Wan Area

ที่ตั้ง: Sheung Wan, Hong Kong
ค่าใช้จ่าย: 0 บาท
เดินเที่ยวเล่นไปเรื่อยๆตามทางไปสถานี มีร้านค้าต่างๆเยอะแยะ สังเกตุบางร้านคิวยาวอยากเข้าไปต่อคิวบ้างแต่ไม่มีเวลาขนาดนั้น บ้านช่องเขาสวยดี แถวๆนี้ตึกสูงมีไม่มากนัก เดินเรื่อยๆก็มาถึง Western Market จุดเช็คอินของนักท่องเที่ยวทั้งหลาย ด้านในก็มีร้านอาหาร กาแฟ ร้านขายของที่ระลึกรวมไว้ในนั้น เดินออกมาขึ้นรถรางใกล้ๆได้
ย่านนี้เป็นย่านชานเมืองนิดนึง จะมีชาวบ้านร้านค้าเปิดอยู่ตามถนนหนทาง
Western Market
ร้าน208 เก๋ๆย่าน Sheung Wan ก็มีนะแต่ต้องออกแรงเดินหานิดนึง

……………………………………….

3. Tram to West Sheung Wan

ที่ตั้ง: Sheung Wan, Hong Kong
ค่าใช้จ่าย: ผู้ใหญ่ 2.30$ เด็กต่ำกว่า 12 ปี 1.20$
Tram หรือรถราง คือพาหนะชนิดหนึ่งวิ่งบนราง มีลักษณะคล้ายรถไฟแต่สั้นและเบากว่า รถรางที่ฮ่องกงเป็นแบบสองชั้นใช้ไฟฟ้า เราลองขึ้นไปทางตะวันตกเรื่อยๆ ตอนขึ้นแตะบัตร Octopus ที่กล่องจ่ายเงิน ค่าโดยสาร 2.30$ สำหรับคนปกติ ถ้าเด็กหรือคนแก่จะถูกกว่านี้ เดินขึ้นไปนั่งบนชั้นสองรถค่อนข้างจะโยกเยก ฝรั่งฝั่งตรงข้ามบอกว่านี่มันขี่ม้าชัดๆ รถวิ่งช้าเนิบไปเรื่อยๆติดไฟแดงเหมือนรถยนต์ปกติเพราะใช้ถนนร่วมกัน เหมาะนั่งกินลมชมวิวไปเรื่อยๆ หากต้องการความเร็วควรใช้พาหนะชนิดอื่น นั่งไปเรื่อยๆทางตะวันตกจะยิ่งเป็นย่านพักอาศัยมากขึ้น มีร้านสวยๆน่านั่งเยอะเลย ขากลับเดินย้อนมาทางริมทะเลลมพัดเย็นสะท้าน ชมวิวถ่ายรูปไปเรื่อยๆตามทาง มาถึงป้ายก็นั่งรอรถเมล์ไป Central รถเมล์ที่ฮ่องกงขึ้นด้านหน้า ลงด้านหลัง ตอนขึ้นแตะบัตร Octopus หรือหยอดเหรียญลงในกล่องได้เลย รถคันใหญ่นั่งสบายใช้เวลาไม่นานก็มาถึงที่หมาย
Tram หรือ รถรางใช้ถนนร่วมกับรถและคนเดินถนนทั่วไป
นั่งด้านหน้าสุดชั้นสองจุดชมวิวที่ดีที่สุดเหมาะแก่การถ่ายรูป
นั่งมาสุดสายทาง West ขากลับเดินเลียบอ่าวไปเรื่อยๆ วันนี้ฝนตกปรอยๆอากาศครึ้ม
ร้านสวยๆน่านั่งเยอะไปหมด
วิวแปลกตาเหมาะแก่การเดินถ่ายรูปเก็บภาพประทับใจ

…………………………………………………………………………………………..

4. Hong Kong Observation Wheel

ที่ตั้ง: Central Ferry Piers, Hong Kong
ค่าใช้จ่าย: ผู้ใหญ่ 100$ เด็ก 70$
มองเห็นวงล้อยักษ์ตั้งแต่ไกลลิบๆ ใช่แล้วมันคือชิงช้าสวรรค์ยักษ์ Hong Kong Observation Wheel นั่นเอง เปิดตั้งแต่วันที่ 6 Dec 2014 ‑ 31 Oct 2017 (everyday) 11am ‑ 11pm (12 hours) แอบถามเจ้าหน้าที่มาเขาบอกครบกำหนดก็จะย้ายไปเรื่อยๆ ชิงช้าสวรรคืยักษ์นี้สูง 60 เมตร ประกอบด้วย 42 กระเช้าแต่ละกระเช้าจุได้ 8-10 คน ค่าบริการคนละ 100$ และ 70$ สำหรับเด็ก คาดว่าจะมีผู้ใช้บริการราวปีละหนึ่งล้านคน
ลงรถเมล์แล้วเดินไปนิดเดียวก็ถึงแล้ว ฝั่งตรงข้ามคือตึก IFC Mall มองเห็น Apple Store ชัดเจน หมายไว้ว่าเล่นเวร็จจะกลับมา บริเวณที่เราเดินไปเรียกว่า Central Ferry Piers, Hong Kong เป็นท่าเรือเฟอร์รี่รับส่งคนข้ามฟากไปยังที่ต่างๆ แบ่งเป็น 10 ท่าเรือแต่ละท่าไปยังที่แตกต่างกัน นอกจากเป็นท่าเรือแล้วยังมีพิพิธภัณฑ์ Hong Kong Maritime Museum อยู่ในตัวอาคารท่าเรือหมายเลข 8 ด้านหน้าอาคารมีรถเมล์แบบเปิดประทุนให้บริการด้วย แถมยังชอบมีรถขายของกินน่ารักๆจอดคอยให้บริการนักท่องเที่ยวด้วย
วงล้อยักษ์นี้แหละ Hong Kong Observation Wheel สูง 60 เมตรหรือประมาณตึก 20 ชั้น
มีทั้งหมด 42 กระเช้าแต่ละกระเช้าจุได้ 8-10 คน
มุมมองจากความสูง 60 เมตรหรือตึก 20 ชั้น คนตัวเล็กนิดเดียว
อยู่บนกระเช้ามองไปที่อ่าววิคตอเรียเห็นเฮลิคอปเตอร์อยู่ลิบๆ
ลานกว้างแห่งนี้เป็นสถานที่จัดงานเทศกาลต่างๆของเมืองฮ่องกง
เสร็จแล้วมาเดินเที่ยวต่อที่ท่าเรือหรือจะนั่งรถเมล์เปิดประทุนก็ได้เช่นกัน

……………………………………….

5. IFC Mall, Apple Store

ที่ตั้ง: Central, Hong Kong
ค่าใช้จ่าย: 0$
เสร็จจากวงล้อยักษ์เดินขึ้นสะพานลอยยักษ์ข้ามมาตรงเข้าในตึก IFC (International Finance Centre) Mall ได้เลย เดินเลี้ยวเข้าตึกปุ๊ปก็เจอ Apple Store เลยสาขานี้ถือเป็นร้านค้าปลีกแห่งแรกของแอปเปิ้ลที่เปิดให้บริการในฮ่องกง ร้านใหญ่โตมากทีเดียวแต่คนก็เยอะมากเช่นกัน ตกแต่งด้วยกระจกใสทั่วร้าน แม้แต่บันไดวนขึ้นขั้นสองก็ทำจากกระจกเช่นกัน มีสินค้าแอปเปิ้ลจำหน่ายทุกชนิด พร้อมทั้งมี Genius Bar คอยให้คำปรึกษา ในร้านบริการฟรี WIFI เข้าไปเดินเล่นถ่ายรูปเฉยๆก็ได้นะเขาไม่ว่า
IFC Mall เป็นตึกที่รวมทุกอย่าง (ที่หรูหรา) เข้าไว้ด้วยกัน ทั้งตึกสำนักงานที่สูงที่สุด ห้างสรรพสินค้า โรงภาพยนต์หรือแม้แต่โรงแรมห้าดาวก็มีอยู่ที่นี่ สินค้าที่จำหน่ายคือพวกแบรนด์เนมและสินค้าระดับกลางขึ้นไป มีร้านอาหารชื่อดังมากมายแม้แต่ร้านที่ได้ดาวมิชลินอย่าง Tim Ho Wan ก็ยังอยู่ที่นี่เรียกว่ามาที่เดียวครบจริงๆ ขาช๊อปกระเป๋าหนักไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง
Apple Store @ IFC Mall ถ่ายจากสะพานลอยฝั่งตรงข้าม (ดูคนเข้าคิวซะก่อน)
เข้าไปดูใกล้ๆคนมหาศาลจริงๆ สอบถามได้ความว่ามารอรับ iPhone6 ที่จองไว้กัน
บันไดกระจกในตำนานของ Apple Store
Moleskine Shop @ IFC Mall

ร้านขนมชื่อดัง Pierre Herme @ IFC Mall

……………………………………….

6. MTR รถไฟใต้ดินครั้งแรกบนเกาะฮ่องกง

ที่ตั้ง: ทั่วเกาะ Hong Kong
ค่าใช้จ่าย: แล้วแต่ระยะทางดูได้ที่ http://www.mtr.com.hk/en/customer/tickets/tf_index.html
รถไฟที่นี่เรียก MTR (Mass Transit Railway) ถือเป็นระบบขนส่งที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในโลกแห่งหนึ่ง เปิดให้บริการครั้งแรกในปี 1979 ระยะทางของรางรวมทั้งสิ้น 218.2 กิโลเมตร มีสถานีทั้งสิ้น 154 สถานี เชื่อมต่อกับตึกสำคัญของฮ่องกงไว้หมด ชำระค่าโดยสารโดยใช้บัตรสามารถซื้อได้ทั้งแบบไปกลับและแบบเที่ยวเดียว สามารถใช้บัตร Octopus เพื่อชำระค่าโดยสารได้เช่นกัน
โดยไม่ต้องออกจากตึก IFC เพียงเดินลงมาชั้นล่างก็จะพบกับสถานี Central เดินไกลนิดนึงออกกำลังกายทางเดินดูสะอาดสะอ้านปลอดภัย ด้านล่างมีร้านค้าร้านอาหารจำหน่าย รถไฟก็เหมือนบ้านเราคนเยอะเหมือนกัน รวมๆชอบทั้งตัวรถไฟ สถานี การเชื่อมต่อที่สะดวกสมเป็นขนส่งมวลชนระดับโลก
บรรยากาศที่นั่งรอสถานี Central
รถไฟคนใช้เยอะมากๆสมเป็นบริการสาธารณะที่ได้รับการยกย่องระดับโลก

…………………………………….


7. Central – SOHO – Hollywood St.

ที่ตั้ง: Central, Hong Kong
ค่าใช้จ่าย: 0$
ย่าน SOHO ย่อมาจากชื่อที่ตั้ง South of Hollywood Road ตั้งอยู่ใน Central ติดกับ Sheung Wan เดิมเป็นย่านที่พักอาศัย ต่อมาเมื่อมีการสร้างบันไดเลื่อนยักษ์  ซึ่งถือเป็นบันไดเลื่อนกลางแจ้งที่ยาวที่สุดในโลก (ยาว 800 เมตร ประกอบด้วยบันไดเลื่อน 20 ตัว ทางเดินเลื่อน Walk Way อีก 3 ทาง) ช่วยให้การเดินทางสะดวกขึ้นมากโดยเฉพาะสำหรับผู้สูงอายุ ต่อมาชาวต่างชาติและผู้ที่ทำงานอยู่ย่าน Central จึงย้ายเข้ามาอยู่อาศัยและทำธุรกิจกันมากขึ้น ปัจจุบัน SOHO เป็นแหล่งรวมของร้านอาหาร บาร์ ไนท์คลับ แกลเลอรี่ศิลปะรวมถึงร้านจำหน่ายของ Antique ต่างๆด้วย
ย่าน Central จะเป็นตึกสำนักงานร้านค้าที่ทันสมัยเป็นส่วนมาก เดินทะลุซอยไปนิดเดียวก็จะเจอย่าน SOHO มีลักษณะเป็นชุมชนที่อยู่บนเนินเขา มีตลาดสด มีร้านแบบเก๋ๆอยู่มากมายแทรกตัวอยู่ตามตึกแถวตามบ้านคนยาวไปตลอดถนน Hollywood ถ้าใครไม่อยากเดินเหนื่อยให้มองหาบันไดเลื่อนเข้าไว้ช่วยท่นได้เวลาเดินขึ้น แต่ขาลงต้องเดินเองนะจ๊ะ
Central–Mid-Levels escalator and walkway system
จะไปทางไหนมีป้ายบอกทุกแยกไม่ต้องกลัวหลง
ย่านนี้จะเต็มไปด้วย Gallery ตามที่เห็นในภาพ
แต่ละร้านจะอยู่ตามตึกแถวบ้านคนแล้วตกแต่งตามสไตล์ของร้านนั้นๆ
อันนี้เราชอบมาก Park View Art Hong Kong, Shop n.6, Upper G/F, Sunrise House, 27 Old Bailey Street, Central, HK

ไอเดียเขาเจิดแจ่มจริง คนชอบดูงานศิลปะไม่ควรพลาดเข้าชมฟรีแทบทุกที่ครับ
ร้านนั่งดื่มเก๋ๆมีให้เห็นได้ทั่วไปตามย่าน Central – SOHO

ร้าน Craft Beer ย่าน Hollywood เราไปวันฝนตกและร้านปิดได้แต่มองเข้าไปในร้าน
ร้านนี้อยู่ระหว่าง Hollywood – Sheung Wan

……………………………………..

วิวเมื่อมองจากฝั่งเกาลูน

8. Tsim Sha Tsui, Nathan Rd., Hong Kong Museum of Art, Avenue of Stars

ที่ตั้ง: Tsim Sha Tsui, Hong Kong
ค่าใช้จ่าย: 0$ ยกเว้น Hong Kong Museum of Art คนทั่วไป 10$ คนพิการ 5$
Tsim Sha Tsui (อ่านว่า จิมชาจุ่ย) เป็นเขตย่านในเมืองของฝั่งเกาลูน มีลักษณะเป็นเหมือนแหลมยื่นเข้าไปในอ่าวเกาลูน เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของฮ่องกง มีร้านค้าชั้นนำและร้านอาหารมากมาย ทั้งยังเป็นที่ตั้งของ Hong Kong Museum of Art และ Avenue of Stars อีกด้วย
การเดินทางสะดวกสบายมากๆ ลงที่สถานีแล้วดูป้ายเลยว่าอยากจะไปจุดไหน เราเลือกเดินมาทาง Museum ไปดูว่ามีงานอะไรน่าสนใจบ้าง ด้านนอกมีงานแสดงอยู่สองงาน อันนึงเป็นต้นไม้ไผ่เอามาสานๆตั้งขึ้นเป็นสิ่งประดิษฐ์อะไรสักอย่าง อีกงานคล้ายรถเข็นหลายๆคันมาจอดเรียงๆกันปูหญ้าและเอาต้นไม้มาใส่ แต่นักท่องเที่ยวคงจะไม่เข้าใจเห็นนั่งพักผ่อนกันตรงนั้นเลย (ฮ่าๆ)
Avenue of Stars อยู่หลังตึก Museum นี้เลย เป็นพื้นที่ริมน้ำเอาไว้แสดงเหมือนกับ Hall of Fame ของเหล่าดาราฮ่องกงชื่อดังทั้งหลาย เดินเที่ยวได้เพลินๆคนมาถ่ายรูปกันเยอะมาก วิวเรือในอ่าวก็สวยดี อ้อ มีร้านปลาหมึกปิ้งบดแบนๆคล้ายบ้านเราด้วยนะ ลองกินแล้วมันเหนียวมากขนาดบดแล้ว คงต้องส่งมาฝึกวิชาบดปลาหมึกที่เมืองไทย แต่มันก็อร่อยดีนะ
บริเวณริมน้ำใต้เวทีแสดงแสงสีเสียง A Symphony of Light
คบเพลิงโอลิมปิคปี 2008 จัดแสดงอยู่ที่ Avenue of Stars แห่งนี้ด้วย
Avenue of Stars หรือที่เรียกกันว่า Hollywood Walk of Fame
คนมาถ่ายรูปกันเยอะมากๆ ต้องเข้าคิวกันเลยทีเดียว
Clock Tower อายุมากกว่า 100 ปี แลนด์มาร์คอีกแห่งริมอ่าววิคตอเรีย
Hong Kong Cultural Center อยู่ติดกับ Clock Tower
Hong Kong Museum of Art พิพิธภัณฑ์ศิลปะฮ่องกง
เดินไปเรื่อยๆจะเจอ Hong Kong Tourism Board ให้ข้อมูลและบริการดีมาก
Esprit Shop สาขานี้ใหญ่ที่สุดในย่าน Tsim Sha Tsui

………………………………………..

9. Chungking Mansions, Tsim Sha Tsui

ที่ตั้ง: 36-44 Nathan Road, Tsim Sha Tsui, Hong Kong
ค่าใช้จ่าย: เริ่มต้นที่ 600$ สำหรับ Guesthouse 1 คืน อยากลองพักกดจองได้เลย
ไม่เขียนถึงตึกนี้ไม่ได้เพราะเราไปพักที่นี่มา Chungking Mansions ได้รับการแนะนำจากนิตยสาร Time ว่าเป็น 1ใน10 สิ่งที่ต้องทำเมื่อไปฮ่องกง ตึกอายุกว่า 50 ปีนี้ตั้งอยู่ใจกลางจิมชาจุ่ยแทบจะเรียกว่าติดสถานีรถไฟเลยก็ว่าได้ จากทางออกเดินเพียงไม่กี่เมตรก็ถึงแล้ว ตึกนี้มีความสูง 17 ชั้นแบ่งเป็น 5 บล็อคแต่ละบล็อคมีลิฟท์สองตัวแบ่งจอดชั้นเลขคู่และเลขคี่ มีคนอาศัยอยู่ประมาณ 4000 คน (Time บอกว่า 5000 คน บางคนบอกว่าสูงสุดถึง 10000 คน) ชั้น1และ2 เป็นส่วนของร้านค้า ร้านรับแลกเงิน ร้านอาหารชาติต่างๆ ชั้นอื่นๆถูกแปรสภาพเป็นเกสเฮาส์ซอยยิบย่อย ผู้อาศัยส่วนมากเป็นชาวต่างชาติโดยมากมาจากเอเชียใต้และแอฟริกัน บรรยากาศเหมือนตึกนานาชาติให้ได้ผจญภัยตื่นเต้นตั้งแต่ตอนเดินเข้าตึก เข้าคิวรอลิฟท์ เช็คอินเข้าที่พักสัมผัสฮ่องกงอีกรสชาติหนึ่งได้ที่นี้
ที่แห่งนี้ต้องโชกโชนการเดินทางเท่านั้น มือใหม่ไม่แน่นำให้ลอง

……………………………………………


10. Harbour City

ที่ตั้ง: Tsim Sha Tsui, Hong Kong
ค่าใช้จ่าย: เริ่มต้นที่ 0$ แล้วแต่จะซื้ออะไรกินอะไร
Harbour City เป็น Shopping Mall ที่ใหญ่ที่สุดใน Tsim Sha Tsui ประกอบไปด้วยอาคารต่างๆถึง 7 ส่วนมีทั้งโรงแรมและห้างสรรพสินค้า เป็นแหล่งรวมของสินค้าแบรนด์เนมทั้งหลาย ทั้งยังเป็นที่ตั้งของร้าน Toys “R” Us ที่ใหญ่ที่สุดในฮ่องกง (เด็กเยอะมากเสียงร้องไห้จะเอานั่นนี่ดังระงม) ห้างมีหลายห้างติดๆกันเดินแล้วอาจจะงงๆบ้าง รวมๆแล้วเหมาะกับคนชอบช๊อปปิ้งแบบ Non Stop
มาตอนช่วง Christmas พอดีห้างเขาตกแต่งสวยงามมากเข้ากับอากาศหนาวๆ
คนเยอะจริงๆมาตอนช่วงที่ร้านกำลังลดราคาและคนกำลังออกมาช๊อปปิ้งกันพอดี
ร้านนี้แนวมากเอาดีเจมาเปิดแผ่นในร้านเรียกลูกค้ากันเลยทีเดียว

………………………………………..

11. Mong Kok First Time

ที่ตั้ง: Mong Kok, Hong Kong
ค่าใช้จ่าย: 0$
มีอันต้องย้ายที่พักจาก Sheung Wan ไป Mong Kok เดินทางไม่ยากขึ้นรถไฟ 6-7 สถานีก็มาถึงแล้ว Mong Kok เป็นย่านที่ออกมาจากศูนย์กลางนิดนึงคล้ายย่าน Sheung Wan คือเป็นส่วนผสมระหว่างย่านที่พักอาศัยและย่านธุรกิจ ตึกแถวนี้ส่วนมากจะใช้ชั้นล่างเปิดร้านและอยู่อาศัยด้านบน Mong Kok เป็นย่านที่มีคนอาศัยเยอะมาก ค่าเฉลี่ยจำนวนประชากรต่อพื้นที่เรียกได้ว่าสูงที่สุดในโลก บันทึกโดยกินเนสบุ๊ค เรคคอร์ด ดังนั้น ธุรกิจหลักของย่านนี้คือ ร้านอาหาร รวมไปถึง Fast Food และธุรกิจบันเทิงต่างๆ
บรรยากาศหน้า Langham Place วันที่มีการแถลงข่าวอะไรสักอย่าง

…………………………………………………………………………………………..

12. h.one inn

ที่ตั้ง: Mong Kok, Hong Kong
ค่าใช้จ่าย: ประมาณ 500-600$ แล้วแต่ช่วงเวลา
จะไม่เขียนถึงเห็นจะไม่ได้สำหรับโรงแรมแห่งนี้ มันสุดแสนจะประหลาดพันลึก เราจองโรงแรมนี้กับ Agoda ก็ตามปกติไม่เห็นมีอะไรพิเศษ เดินตามแผนที่มาเรื่อยๆพบว่าโรงแรมอยู่บนชั้นสองของตึกแห่งหนึ่งใกล้สถานี Mong Kok พอขึ้นไปชั้นสองปรากฎว่าประตูล๊อค เคาะเท่าไหร่ก็ไม่มีใครมาเปิด แล้วแขกจะเช็คอินเข้าพักยังไง? มองๆดีๆมีสติ๊กเกอร์แปะว่าถ้ามาถึงแล้วให้โทรหา เรามีเหรียญติดกระะเป๋าอยู่ก็เลยเดินออกไปหาตู้โทร ซึ่งตู้โทรศัพท์สมัยนี้มันหายากมาก ตู้แรกดันกินเหรียญอีก โทรติดตรงตู้ที่สองคนรับเป็นผู้หญิง เขาถามข้อมูลเรานิดหน่อยเสร็จแล้วก็บอกรหัสเข้าประตู และบอกว่าพอเข้าไปคุณจะเจอห้องอีก5ห้อง ของคุณคือห้องเบอร์สอง รหัสของคุณคือบลาๆๆๆๆ เราก็จดๆแล้วรีบกลับมาที่หน้าโรงแรม กดรหัสตามที่เขาบอก เห้ย มันเข้าได้เว้ย เข้ามาแล้วก็มองหาหห้องเบอร์สอง กดรหัสอีกที(แต่ละห้องไม่ซ้ำกัน) เปิดได้แล้วได้เข้าห้องเสียที ดีใจมากอย่างกับเล่นเกมล่าสมบัติ สรุปคือ ทั้งโรงแรมไม่มีพนักงานใดๆทั้งสิ้น บริหารงานโดยทางโทรศัพท์กับออนไลน์ดูจากกล้องวงจรปิด เช้ามาพอเราเช็คเอาท์เขาจะส่งคนมาทำความสะอาดเปลี่ยนรหัสผ่านรอรับแขกรายใหม่ต่อไป
มาถึงให้อ่านป้ายก่อนเขาบอกให้โทร อย่ามัวเสียเวลาเคาะประตูเพราะไม่มีคนเปิด
โรงแรม h.one.inn ในโลกเทคโนบริการตัวเองล้วนๆ

…………………………………………..

13. Mongkok station to Jordan station

ที่ตั้ง: Mong Kok – Jordan, Hong Kong
ค่าใช้จ่าย: 0$
ย่าน Jordan มีเนื้อที่ประมาณ 1 ตารางกิโลเมตรมีประชากรประมาณ 150000 คนส่วนใหญ่เป็นคนทำงานและผู้สูงอายุ ย่านนี้ไม่มีแม่เหล็กดึงดูดนักท่องเที่ยวหลักแบบย่านอื่นๆ แต่เป็นที่สนใจของพวกนักท่องเที่ยวที่อยากสัมผัสชีวิตคนทำงานในฮ่องกงว่าเขากินอยู่ เที่ยวดื่ม ใช้ชีวิตอย่างไร ค่าใช้จ่ายในย่านนี้เป็นแบบมาตรฐาน บางร้านก็จะถูกลงมาหน่อยนึง มีตลาดแบบ Street Market ตลาดปลาทอง Goldfish Market ร้านอร่อยราคาเบาก็มีอยู่เยอะในย่านนี้ด้วยเช่นกัน ถ้าได้ซื้อของก็อย่าลืมต่อราคาหรือถามหาส่วนลดโปรโมชั่นต่างๆ เขาลดให้ได้เยอะทีเดียวเชียวนะ
บรรยากาศเหงาๆบนสะพานลอยย่าน Mong Kok

ตลาดมีชื่อของย่าน Jordan, Goldfish Market
โบสถ์ใหญ่ย่าน Mong Kok – Jordan
จุดพัก Civic Triangle  ให้หายเหนื่อยแถว Mong Kok – Jordan ก่อนออกไปเดินลุยต่อ

…………………………………………

14. Hong Kong China Ferry Terminal

ที่ตั้ง: 33 Canton Road, Tsim Sha Tsui, Hong Kong
ค่าใช้จ่าย: ค่าตั๋วไปมาเก๊าคนละประมาณ 180$ – 190$
ท่าเรือแห่งนี้อยู่ไม่ไกลจาก Harbour City เดินใช้เวลาเพียง 5-7 นาทีก็มาถึงได้แล้ว เป็นหนึ่งในสามของท่าเรือที่ใช้โดยสารระหว่างประเทศของฮ่องกง ให้บริการเรือเฟอร์รี่ไปมาเก๊าและไปเมืองจีน ตอนแรกเดินเลยไปเพราะคิดไม่ถึงว่าทางเข้ามันจะเป็นตึก ขึ้นลิฟท์ไปชั้นสอง เดินหาซื้อตั๋วตามช่องขาย แต่เอ๊ะลองมองไปรอบๆมีคนเดินขายตั๋ว(อย่างเปิดเผย)ถูกกว่าเต็มไปหมด เมื่อได้ตั๋วแล้วก็ไปจุดตรวจตม. เขาแทบไม่ดูอะไรเลย จากนั้นก็ไปนั่งรอขึ้นเรือตาม Gate ที่ระบุในตั๋ว ถ้ามีเหรียญเหลือเยอะแนะนำหยอดตู้เครื่องดื่มแถวนั้นกินเล่นเพลินๆ หรือจะนั่งหาข้อมูลอัพเฟชบุ๊ครอก็บริการ Free WIFI
ระหว่างทางเดินไปท่าเรือผ่านร้านแบรนด์เนมหรูมากมาย,บนขวาตั๋วข้ามฝาก,ล่างขวาช่องรอเข้าคิวขึ้นเรือ
เรือ Ferry มีบริการ Free WIFI ตลอดเส้นทาง,รูปขวาจอดเทียบท่าเรือมาเก๊า

……………………………………….

Tips การเดินเที่ยวสำรวจฮ่องกง

– Universal Plug, Power Bank สำคัญและจำเป็นมาก ส่วนปลั๊กถ้าไม่มีต้องเช่าโรงแรมเอา
– Free WIFI มีในบางจุดที่สำคัญที่เป็นสาธารณะ ถ้าใครต้องใช้เน็ตตลอดแนะนำให้ซื้อ SIM Card
– Google Map มีประโยชน์มาก ใช้ได้แม้ไม่มีสัญญาณอินเตอร์เน็ต
– Skype ใช้โทรกลับไทยได้ดีในที่มีเน็ตแรงๆ ราคาประหยัดสุดๆ
– หน้าหนาวอากาศหนาวทั้งวันไม่เหมือนเมืองไทยที่ร้อนตอนกลางวัน
– แถบเกาลูนมีห้างเยอะ แบรนด์เนมเยอะมาก
– ห้องน้ำไม่มีที่ฉีดชำระ ทิชชู่เท่านั้น
– เดินช้าชิดขวา รีบไปทางซ้าย
– รถเมล์ขึ้นประตูหน้า ลงประตูหลัง
– Octopus card ใช้ได้ทุกที่ยกเว้นร้านเก่าแก่ ร้านบ้านๆ
– ที่รัดกระเป๋าช่วยให้อุ่นใจเวลาต้องลากนานๆ ซื้อไว้รัดไว้อุ่นใจกว่า
– เรือ Ferry ที่เก็บกระเป๋าอยู่ด้านหลัง ขึ้นเรือปุ๊ปให้เดินเอากระเป๋าไปไว้ด้านหลังก่อน

แผนที่ท่องเที่ยวตามลายแทงบอกพิกัดอย่างละเอียดกดดูได้เลยจ้า *สีแดงคือที่กิน สีฟ้าคือที่เที่ยว

เที่ยวมากแล้วก็หิว ไปอ่านเรื่องของกินฮ่องกงอร่อยๆได้ที่

– บินตรงเชียงใหม่ไปกินที่ฮ่องกง – ลุยเดี่ยวเที่ยวกินดะฉะไม่เลิก –

Relate Posts :