คิดถึงเชียงใหม่ “อยู่ร่ำไป” RUM PAI LOFT HABITAT

ใครก็ตามหากได้มายลเยือนนครเชียงใหม่ ก็มักจะอดหลงเสน่ห์เชียงใหม่ เมืองที่อุดมด้วยทรัพยากรธรรมชาติอันงดงาม ผู้คนหลากหลายมีไมตรีจิต ขนบธรรมเนียมประเพณี พิธีกรรมต่าง ๆ แสดงอัตลักษณ์ที่น่าประทับใจ  ทำให้ต้องหวนกลับมาเชียงใหม่  “อยู่ร่ำไป”
หลายครั้งหลายคราบ้างก็ย้ายมาอยู่เชียงใหม่เสียเลย เช่นเดียวกับคุณจีนเจ้าของที่พักแห่งใหม่สุดฮิปที่ผมได้มา REVIEW ในวันนี้ ผมมาพร้อมกับสายฝนที่โปรยปรายลงมาดับร้อน ทำให้บรรยากาศของวันนี้เย็นสบาย ทันทีที่มาถึง คุณป้าแดง ป้าแท้ ๆ ของคุณจีนออกมาต้อนรับด้วยรอยยิ้ม พร้อมกับถามผมว่า หิวไหมทานอะไรมารึยังลูก? ทำให้บรรยากาศเย็น ๆ อบอุ่นใจขึ้นมาอย่างประหลาด คุณป้าแดงพาผมไปยังห้อง 503 ซึ่งเป็นห้องพักที่สามารถเห็นทิวเขาได้ 2 ด้านทั้งจากระเบียงหน้าห้อง จะเห็นแนวเขาทอดยาวขนานไปกับเมืองเชียงใหม่และสิ่งปลูกสร้างที่กำลังผุดขึ้นราวดอกเห็ด อีกด้านจากหน้าต่างภายในห้องนอน จะเห็นเป็นแนวเขาในระยะใกล้และเห็นพระธาตุดอยสุเทพอยู่บนเนินเขาลิบ ๆ ราวกับว่าได้เห็นภาพของเมืองเชียงใหม่ทั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคตไปพร้อมกัน
ขณะที่ผมกำลังซึมซับกับบรรยากาศอยู่นั้น คุณจีนก็เข้ามาทักทายพูดคุยด้วยความเป็นมิตร ผมรีบชวนคุณจีนนั่ง เพื่อจะซักถามถึงที่มาของแนวความคิดในการสร้าง  RUM  PAI  LOFT  HABITAT  หรือที่หลาย ๆ คนเรียกเล่น ๆ ว่า  “รังหมาป่า”  
ผมว่าแค่ชื่อก็น่าสนใจแล้วละครับ คุณจีนเล่าให้ฟังว่า “เป็นชาวกรุงเทพแต่กำเนิดแต่ย้ายมาอยู่เชียงใหม่ตั้งแต่เด็ก ๆ แต่ก็ต้องกลับไปทำงานด้านกราฟฟิกดีไซน์และทำหนังสั้นที่กรุงเทพ สุดท้ายหัวใจก็ร่ำร้องให้กลับมาอยู่ที่เชียงใหม่อีก แต่การกลับมาคราวนี้คุณจีนตั้งใจจะปลูกบ้านไปเสียเลยแต่เมื่อคิดดูแล้วการปลูกบ้านนั้นไม่ก่อเกิดรายได้ จึงได้ปรึกษากับทางครอบครัวใช้เวลาในการวางแผนถกเถียงคิดแบบและออกแบบกินเวลากว่า 1 ปีเต็มไม่รวมระยะเวลาในการก่อสร้าง
สรุปจากบ้านกลายมาเป็นตึก 5 ชั้น  บนพื้นที่ 1 งาน  แถววัดร่ำเปิงโดยแบ่ง พื้นที่ใช้สอยหลัก ๆ ออกเป็น 3 ส่วน  ด้านซ้ายเป็นส่วน  PUBLIC  AREA  ประกอบด้วย  ชั้นที่ 1 เป็น  CAFÉ  ที่กำลังจะเปิดในเร็ว ๆ นี้  และใช้เป็นห้องรับประทานอาหารเช้า  ชั้นที่ 2 เป็น  BAR  ซึ่งเป็นจุดนั่งสังสรรค์พูดคุยแลกเปลี่ยนทัศนคติกัน  ในวันนั้นผมสนุกมากจริง ๆ กับการได้รู้จักเพื่อนใหม่ พูดคุยเรื่องไร้สาระที่สร้างเสียงหัวเราะ ไปพร้อม ๆ กับการสร้างมิตรภาพ  ซึ่งส่วน BAR นี้ถือเป็นเสน่ห์ของที่แห่งนี้เลยทีเดียวเพราะความเหงาของท่านจะหายไปอย่างแน่นอน  ชั้นที่ 3 เป็นส่วนทำงานของคุณจีน  ชั้นที่ 4  เป็นห้องนอนของคุณจีน  ซึ่งคุณจีนมักลงมานั่งสังสรรค์กับผู้มาเยือนอยู่เสมอ
พื้นที่ตรงกลางอาคารเป็นโถงต้อนรับ  กว้างประมาณ 3 เมตร สูงประมาณ  15  เมตร  ลึกเข้าไปเป็นบันไดขึ้นไปยังห้องพัก ต้องบอกให้ทราบก่อนนะครับว่าที่นี่เราไม่ใช้ลิฟต์  ใช้การเดินออกกำลังกายไปยังห้องพักครับ แต่ที่น่าสนใจในระหว่างการเดินขึ้นบันได  คุณจะเพลิดเพลินไปกับงานศิลปะที่มีการผลัดเปลี่ยนกันเข้ามาจัดแสดง
Bar ชั้น 2 จุดนั่งสังสรรค์และพูดคุยของลูกค้า
ชั้น 3 ซึ่งเป็นที่พื้นที่ทำงานส่วนตัวของคุณจีน
นอกจากนั้นยังมีงานกราฟฟิคตัวเลขระหว่างชั้นให้ทราบว่าเราอยู่ที่ชั้นไหนแล้ว รวมถึงการออกแบบราวกันตกด้วยการขึงเชือกดูเป็นงานกราฟฟิคที่เข้ากันมากเลยทีเดียว  แต่ Highlight ของโถงทางเดินนี้คือโคมไฟที่คุณจีนออกแบบเองโดยนำเศษวัสดุที่เหลือจากการก่อสร้าง เช่นไม้แบบนำมาตัดทำเป็นรอก เหล็กเส้นนำมาเชื่อมเป็นโคมไฟและท่อไฟนำมาประกอบเป็นสายห้อยโคมไฟยาวตลอดแนว เป็นเหมือนงานศิลปะที่เมื่อเราเดินสูงขึ้น  สูงขึ้นความงามของ  SPACE นี้ก็จะแตกต่างกันออกไป
ภาพบอกตัวเลขในแต่ละชั้น
โคมไฟที่เป็น Hilight ของที่นี่
นอกจากนั้นยังมีงานศิลป์เป็นตัวหนังสือทำจากเหล็ก จัดวางอยู่ในแต่ละชั้นแยกคำออกจากกัน  แต่เมื่อนำคำเหล่านั้นมารวมกันจะอ่านว่า “ฉันเหงา” เหมือนกับว่าสถานที่แห่งนี้จะแยกความเหงาออกจากตัวของเรา เพราะคุณจะได้เพื่อนใหม่ที่มีความชื่นชอบในงานศิลปะแบบเดียวกัน
ภาพด้านบน เป็นตัวเลขบอกระหว่างชั้น 2 และ 1 และภาพด้านล่างเป็นงานศิลป์ตัวอักษรที่ทำจากเหล็ก
จนมาถึงปีกขวาของอาคารจะเป็นส่วนของห้องพักชั้นที่ 1 เป็นที่จอดรถ ชั้นที่ 2  ถึง 5 เป็นห้องพัก ชั้นละ 4 ห้อง รวม  16  ห้อง  จุดที่ผมสนใจคือการออกแบบโถงทางเดินที่กั้นด้วยโถงต้อนรับ เป็นการแบ่งส่วน  PUBLIL  AREA  กับ  PRIVATE  AREA  ได้อย่างชาญฉลาดมากนอกจากจะได้ ความเป็นส่วนตัวแล้วยังทำให้โถงทางเดินเข้าห้องพักไม่อับอีกด้วย
พอเปิดประตูเข้าห้องไปก็จะเจอกับระเบียง ที่เป็นส่วนแยกไม่ให้ผนังของห้องนอนใช้ผนังร่วมกันและให้พื้นที่ระเบียงเป็นตัวกั้นระหว่างห้องนอนออกจากกัน ทำให้ยังรู้สึกเป็นส่วนตัวมากขึ้นไปอีก  ในส่วนของระเบียงนี้ก็จะตกแต่งด้วยโต๊ะที่นำถังแกลลอน สีน้ำเงินตัดกับผนังอิฐสีส้มได้อย่างสวยงามทีเดียว  ส่วนเฟอร์นิเจอร์ในห้องเป็นเศษเหล็กที่คุณจีนออกแบบนำมาทำที่แขวนเสื้อ  โต๊ะ TV  ตู้หัวเตียงใช้กล่องกระดาษมาจัดวาง  เข้ากับผนังขัดมันมากเลยทีเดียว
แต่ละห้องจะมีตัวเลขบอกห้อง โดยสังเกตุชั้นจากจำนวนกระดุมที่ติดอยู่บนเสื้อของป้ายด้านหน้า เช่นห้องที่ผมพักอยู่ห้อง 503 กระดุมจะมี 5 เม็ดและนิ้วชูเลข 3
ที่ผมชอบมากคือเตียงนอนที่หนานุ่ม นอนสบายมาก ๆ ทำให้เห็นถึงความใส่ใจว่าแขกที่มาพักต้องนอนสบาย  ถึงแม้ว่าภาพรวมจะดูแข็ง ๆ ดิบ ๆ เท่ ๆ  ตามแบบ  LOFT  INDUSTRIAL  ในแนวที่คุณจีนชอบก็ตาม ผมเห็นความตั้งใจ  ใส่ใจและความชาญฉลาดในการออกแบบ  ที่สะท้อนความเป็นตัวตนของคุณจีนผ่านงานสถาปัตยกรรมได้อย่างสวยงาม  แสดงถึงความคิดสร้างสรรค์ในการนำเศษวัสดุต่าง ๆ ที่เหลือจากการก่อสร้างนำมาดัดแปลงเป็นงาน  FURNITURE  ที่ใช้งานได้จริงแถมประหยัดอีกด้วย  สุดท้ายผมเห็นถึงความเป็นไทยที่มีอยู่ในตัวของคุณจีน  แม้ว่าอาคารและงานตกแต่งจะไม่ได้มีส่วนไหนที่ดูเป็นไทยเลย  แต่คุณจีนต้องการให้แขกที่มารู้สึกอบอุ่นเหมือนอยู่บ้าน สามารถมาทำงานร่วมกันเป็นสังคมของนักออกแบบเล็ก ๆ ใช้พื้นที่ส่วนกลางนั่งทำงานพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดทัศนคติซึ่งกันและกัน  สุดท้ายคุณจีนฝากเชิญชวนแขกผู้มาเยือนว่า  “มาคุยกัน”  ที่  RUM  PAI  LOFT  HABITAT  ในบรรยากาศที่อบอวลของมวลมิตรด้วยไมตรีจิต ที่น่าประทับใจ  แล้วคุณจะเป็นอีกคนหนึ่งที่คิดถึงเชียงใหม่อยู่ร่ำไป

พิกัด : 58 ม.5 ร่ำเปิง ซ.1 ถนนเลียบคันคลองชลประทาน ฝั่งขาเข้าเมือง เลี้ยวซ้ายเข้าซอยก่อนถึงโรงแรม B2
เบอร์โทร : 095-6859450
ราคาห้องพัก : ราคาเริ่มต้น 950-1,200 บาท พร้อมอาหารเช้า
ภาพ/เรื่องโดย : พงศธร นุแสน 

Relate Posts :