Rabbit Ichigo By Rim Farm – วันนี้รีวิวเชียงใหม่พาทุกคนออกนอกเมือง พาขึ้นไปขึ้นดอยกันบ้าง จะพาทุกคนไปพบกับ “Rabbit Ichigo By Rim Farm” สวนสตรอว์เบอร์รีบนดอยที่บอกได้เลยว่ายอดเยี่ยมสุด ๆ เพราะเป็นที่สวนนี้เป็นสตรอว์เบอร์รีสายพันธุ์ญี่ปุ่นที่นำเข้ามาเมล็ดพันธุ์จากญี่ปุ่นเลย และรีวิวเชียงใหม่จะพาไปรู้ที่มาของแรบบิท อิจิโกะ บาย ริมฟาร์มว่ามีที่มาอย่างไร บอกเลยว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่น่าสนใจมาก ๆ
แนะนำตัวคุณหนุ่ยและ Rabbit Ichigo By Rim Farm
“คุณหนุ่ย” หรือสุรศักดิ์ มั่นคง เจ้าของสวนสตรอว์เบอร์รี Rabbit Ichigo By Rim Farm ซึ่งสำหรับคุณหนุ่ยนั้นเปิดสวนสตรอว์เบอร์รีนี้มานานกว่า 6 ปีและกำลังเข้าสู่ปีที่ 7 แล้ว โดยแต่เดิมนั้นที่ฟาร์มนั้นเริ่มจากปลูกเมล่อนญี่ปุ่นมาก่อน ก่อนที่จะมีการเปลี่ยนมาเป็นสตรอว์เบอร์รีญี่ปุ่น โดยเป็นสายพันธุ์อากิฮิเมะ
สำหรับเส้นทางการเดินทางไปยัง Rabbit Ichigo By Rim Farm นั้น ตั้งต้นกันที่ปั๊มน้ำมันปตท.แม่ริม (ขาออก) เลี้ยวซ้ายไปทางน้ำตกแม่สา ประมาณ 22 กิโลเมตร ผ่านโป่งแยงแล้วเลี้ยวซ้าย ขับเข้ามาทางเดียวกับปานวิมาน ขับต่อไปถึงบ้านกองแหะ เจอสามแยกแล้วเลี้ยวซ้าย ฟาร์มจะอยู่ขวามือ ฟาร์มแรกเลย
ที่มาของ Rabbit Ichigo By Rim Farm
คุณหนุ่ย เจ้าของ Rabbit Ichigo เล่าให้เราฟังว่าตัวเองนั้นจบวิศกรรมอุตสาหกรรม มาและจุดเริ่มต้นของการทำสวนสตรอว์เบอร์รีนี้เกิดจากการตั้งใจจะทำโรงเรือนสมาร์ท ฟาร์มขาย เมื่อ 7 ปีที่แล้ว โดยตั้งใจจะทำขายให้กับเกษตกร แต่มารู้ภายหลังว่าเกษตรกรไทยนั้นไม่ได้มีเงินมากพอที่จะซื้อสมาร์ท ฟาร์มได้ และรวมไปถึงเหล่า Start-Up ที่ทำเกี่ยวกับเกษตรส่วนใหญ่ก็ไปไม่ค่อยรอดเช่นกัน
เมื่อความตั้งใจแรกมันไม่สำเร็จ ทำให้คุณหนุ่ยเบนเข็มมาทำเองเลย เพื่อที่จะทำให้โรงเรือนเกิดและเป็นที่แพร่หลายในประเทศไทย จึงดัดแปลงให้ใช้งานง่ายขึ้น โดยพืชสายพันธุ์แรกที่คุณหนุ่ยเลือกที่จะปลูกก็คือ “เมล่อนญี่ปุ่น” จนต่อยอดเพื่อเพิ่มความหลากหลายจนกลายมาปลูกสตรอว์เบอร์รีจนถึงทุกวันนี้
สตรอว์เบอร์รีพันธุ์แรกที่ Rabbit Ichigo
สตรอว์เบอร์รีสายพันธุ์แรกที่คุณหนุ่ยเริ่มปลูกก็คือพันธุ์ “พระราชทาน 80” ที่เป็นสายพันธุ์ที่เกษตรกรทั่วไปนั้นปลูกกันอยู่แล้ว ซึ่งเมื่อมีการปลูกและขายกันเยอะแล้ว จะกระโดดลงไปใน “Red Ocean” หรือทะเลเดือด คุณหนุ่ยมองว่าก็คงเป็นเรื่องยากมาก เพราะการแข่งขันสูง คุณหนุ่ยจึงคิดที่จะปลูกสตรอว์เบอร์รีสายพันธุ์ญี่ปุ่น
โดยคุณหนุ่ยนั้นได้เดินทางไปประเทศญี่ปุ่นเพื่อที่จะนำเข้าเมล็ดพันธุ์สตรอว์เบอร์รีเข้ามาปลูกที่ฟาร์มของตัวเอง โดยสายพันธุ์ที่คุณหนุ่ยเลือกที่จะมาปลูกก็คือ “อากิฮิเมะ” ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็น “ที่สุด” แห่งสายพันธุ์สตรอว์เบอร์รีญี่ปุ่น ซึ่งใน 2 ปีแรกนั้นคุณหนุ่ยใช้คำว่าล้มเหลวเลย
(Red Ocean หรือทะเลเดือด คือศัพท์ทางธุรกิจ มีความหมายว่าพื้นที่ทางธุรกิจที่มีการแข่งขันสูงที่สุด และมีคู่แข่งที่มีการนำเสนอสินค้าหรือลักษณะทางธุรกิจที่คล้ายกัน)
Rabbit Ichigo สวนสตรอว์เบอร์รีที่เป็นมากกว่า “แพสชัน”
หลังจากที่ล้มเหลวใน 2 ปีแรกในการปลูกสตรอว์เบอร์รี เราก็ได้ถามคุณหนุ่ยว่าทำไมถึงยังคงทำต่อในเมื่อมันล้มเหลวไปแล้ว คุณหนุ่ยตอบว่าเพราะว่า “ตั้งใจ” มันเป็นมากกว่า “แพสชัน” ไปแล้ว คุณหนุ่ยเกิดหลงรักในการปลูกสตรอว์เบอร์รีไปแล้ว มองข้ามเรื่องของเงินที่จะเข้ามาแล้ว เวลาอยู่กับสตรอว์เบอร์รี ทำสวนสตรอว์เบอร์รีแล้วรู้สึกผ่อนคลาย และดรอปงานอุตสาหกรรมที่ทำอยู่ก่อนหน้านี้ลงไป หันมาโฟกัสกับสวนสตรอว์เบอร์รีแบบเต็มที่ ต่อให้มันจะไม่ตอบโจทย์เรื่องเงินเลย
ความอดทนสู่ความสำเร็จของ Rabbit Ichigo By Rim Farm
อย่างที่บอกไปว่าคุณหนุ่ยล้มเหลวกับการปลูกสตรอว์เบอร์รีในช่วง 2 ปีแรก แต่ด้วยการคลุกคลีอยู่กับผลไม้ลูกกลม ๆ เหลี่ยม ๆ รูปหัวใจสีแดงนี้ ทำให้เกิดการหลงรัก กลายเป็นมองข้ามเรื่องเงินไปเลย และสุดท้ายในที่สุดในปีที่ 3 ความอดทนและความรักในสตรอว์เบอร์รีก็เริ่มสร้างความสำเร็จให้กับคุณหนุ่ยและ Rabbit Ichigo ได้บ้างแล้ว
ลูกค้า คือ กุญแจของความสำเร็จของ Rabbit Ichigo By Rim Farm
นอกจากความรักที่มีต่อสตรอว์เบอร์รีแล้ว รีวิวเชียงใหม่ได้ถามคุณหนุ่ยว่าอะไรที่เป็นจุดพลิกผันให้ธุรกิจที่เฟลไปเมื่อ 2 ปีแรก กลับมาเป็นที่รู้จักและต่อเนื่องมาถึงทุกวันนี้ได้ คุณหนุ่ยตอบว่า “ลูกค้า” คือจุดเปลี่ยน จุดพลิกผันของ Rabbit Ichigo
เพราะหลังจากที่ลูกค้าได้ลองกิน ลองชิมสตรอว์เบอร์รีสายพันธุ์อากิฮิเมะที่ Rabbit Ichigo ก็รู้สึกชอบและติดใจ ทำให้คุณหนุ่ยรู้สึกเหมือนได้เติมเต็มเรื่องจิตใจ ทำให้มีกำลังใจในการสู้ต่อ ทำให้คุณหนุ่ยเริ่มทำการขยับขยายมากขึ้น เริ่มมีคาเฟ่ เริ่มมี Pop-Up Store ในปั๊มน้ำมันบ้างแล้ว
สตรอว์เบอร์รีสายพันธุ์ญี่ปุ่นที่ Rabbit Ichigo By Rim Farm
ที่ Rabbit Ichigo By Rim Farm มีสตรอว์เบอร์รีสายพันธุ์จากญี่ปุ่นอยู่ด้วยกัน 3 สายพันธุ์ ได้แก่
- อากิฮะเม
- อาวายูกิ
- เพิร์ล ไวท์
ซึ่งหลังจากที่รีวิวเชียงใหม่ได้ลองชิมแล้ว บอกได้เลยว่าสุดยอดมาก โดยเฉพาะสายพันธุ์อากิฮิเมะ ที่กัดไปแล้วก็ได้รับความชุ่มฉ่ำทันที รสชาติไม่ได้หวานมาก เปรี้ยวนิด ๆ ซึ่งแตกต่างจากพันธุ์ไทยที่จะมีรสชาติที่หวานและเปรี้ยวแบบเด่นชัดขึ้นมามาก ๆ นอกจากนี้ตัวสายพันธุ์อากิฮิเมะนอกจากน้ำฉ่ำแล้ว ยังมีขนาดลูกที่ใหญ่อีกด้วย
ส่วนสายพันธุ์อาวายูกิ เมื่อสุกเต็มที่แล้ว สีของผลจะออกเป็นสีขาว สวยและมีกลิ่นหอมนำมาก่อนเลย ส่วนสายพันธุ์ไวท์ เพิร์ลจะมีจุดเด่นในเรื่องของกลิ่นหอม รสชาติหวานอมเปรี้ยว เวลาที่สุกก็จะมีสีขาวอมชมพู
พืชอื่น ๆ ที่ Rabbit Ichigo By Rim Farm
นอกจากสตรอว์เบอร์รีสายพันธุ์ญี่ปุ่นแล้ว ที่ Rabbit Ichigo By Rim Farm นั้นยังมีพืชอย่างอื่นที่ปลูกด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น เมล่อนญี่ปุ่น และผักเกล็ดหิมะ
คาเฟ่ Rim Farm
อย่างที่บอกไปว่าคุณหนุ่ยไม่ได้มีแค่สวนสตรอว์เบอร์รี แต่ในตอนนี้มีทั้งคาเฟ่และ Pop-Up Store ของตัวเอง โดยคาเฟ่มีชื่อว่า “Rim Farm” ก่อนถึงสวนสตรอว์เบอร์รีประมาณ 22 กิโลเมตร และอยู่ห่างกับ Pop-Up Store ก็ตั้งอยู่ที่ปั๊มน้ำมันปตท.แม่ริม (ขาออก) ประมาณ 500 เมตร
โดยทั้งคาเฟ่และ Pop-Up Store มีผลิตภัณฑ์แปรรูปจากสตรอว์เบอร์รีจากฟาร์ม เช่น ไดฟูกุ, เครื่องดื่มสมูทตี้ต่างๆ เป็นต้น ให้เลือกซื้อกัน
โปรโมชันที่ Rabbit Ichigo By Rim Farm
ก่อนจากกันไป คุณหนุ่ยได้ฝากบอกมาว่าที่ Rim Farm มีโปรโมชันพิเศษให้กับลูกค้าที่มาซื้อแพ็คเกจเก็บสตรอว์เบอร์รี 10 คนแรก รับไปเลยขนมไดฟุกุสตรอว์เบอร์รี ไซซ์ M 1 ฟรี!! (เงื่อนไขเป็นไปตามกำหนด) โดยโปรโมชันนี้มีแค่วันที่ 1 มีนาคม 2568 วันเดียวเท่านั้น!!
วันเวลาเปิด-ปิดและพิกัด
- พิกัด: บ้านกองแหะ ต.โป่งยง อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ (เลี้ยวซ้ายตรงปั๊มปตท.แม่ริม ไปทางน้ำตกแม่สาประมาณ 22 กิโลเมตร ผ่านโป่งแยงแล้วเลี้ยวซ้าย เข้าทางเดียวกับปานวิมาน ขับไปถึงบ้านกองแหะ เจอ 3 แยกแล้วเลี้ยวซ้าย ฟาร์มจะอยู่ขวามือ)
- เวลาเปิด-ปิด: ทุกวัน 08.30 – 16.00 น.
- GPS: https://maps.app.goo.gl/ZdLXqrfS88ZLQzce8
- ที่จอดรถ: ในสวน
ช่องทางการติดต่อ
- เบอร์โทรศัพท์: 098-676-1648
- Facebook: Rim Farm
