เปิดรับสมัครและสอบคัดเลือกทุนรัฐบาลญี่ปุ่นประจำปี 2556

    วันนี้มีข่าวดี สำหรับผู้ที่สนใจภาษาญี่ปุ่นและต้องการไปศึกษาต่อที่ประเทศญี่ปุ่นค่ะ เนื่องจาก ทางสถานกงสุลญี่ปุ่น ณ นครเชียงใหม่ จะเปิดรับสมัครและสอบคัดเลือก ทุนรัฐบาลญี่ปุ่นประจำปี 2556 เพื่อไปศึกษาต่อ ณ ประเทศญี่ปุ่นให้แก่นักเรียนและผู้ที่สนใจ โดยจะเปิดรับสมัครตั้งแต่วันที่ 11 – 19 มิถุนายน 2555

โดยเปิดรับสมัครทุนอยู่ 2 ประเภท คือ

1. ทุนนักศึกษาปริญญาตรี (สายวิทย์และสายศิลป์)

สำหรับนักเรียนที่กำลังศึกษาอยู่ชั้น ม.6 หรือ จบ ม.ปลาย อายุระหว่า 17 – 21 ปี

2.ทุนนักศึกษาวิจัย (สายวิทย์และสายศิลป์)

สำหรับนักศึกษาที่กำลังศึกษาในระดับปริญญาตรี ชั้นปีที่ 4 หรือจบปริญญาตรี / โท อายุไม่เกิน 35 ปี


และวันนี้เราก็มีรุ่นพี่ที่ได้ทุนรัฐบาลถึง 2 ท่าน ได้มาเล่าประสบการณ์การได้รับทุนนี้มาให้ทราบด้วยนะคะ

ท่านแรกคือ  อาจารย์พนิดา อนันตนาคม ปัจจุบันเป็นอาจารย์สอนวิชาภาษาญี่ปุ่น คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ อดีตนักเรียนทุนนักศึกษาวิจัยและปริญญาโท / เอก สาขามานุษยวิทยา คณะ Human and Socio – Environmental Studies มหาวิทยาลัย คานาซาวะ

     โดยอาจารย์ได้กล่าวว่า “ด้วยแรงบันดาลใจจากทางบ้านอยากให้เรียนภาษาต่างประเทศ อีกทั้งสนใจในวัฒนธรรมของญี่ปุ่น และโอกาสในการหางานทำในอนาคต จึงตัดสินใจเรียนทางด้านภาษาญี่ปุ่น และได้ทุนเรียนต่อที่ญี่ปุ่น การใช้ชีวิตในญี่ปุ่นค่อนข้างเรียบง่าย คานาซาวะ แม้จะเป็นเมืองเล็กๆ แต่ฉันรู้สึกชอบที่นี้มาก เป็นเมืองที่น่าอยู่ บรรยากาศดีล้อมรอบไปด้วยธรรมชาติ เหมาะสำหรับการใช้ชีวิตแบบสบายๆ ไม่วุ่นวายเหมือนอยู่ในเมืองใหญ่ อีกทั้งอาหารท้องถิ่น โดยเฉพาะอาหารทะเลอร่อยมาก นอกจากนี้การที่เราได้เรียนรู้และสัมผัสกับวัฒนธรรมญี่ปุ่นที่เป็นประเทศในแถบเอเชียด้วยกันนั้น สะท้อนให้เห็นว่าวัฒนธรรมเราเป็นอย่างไร ทำให้เรามีความคิดที่เปลี่ยนไปและรู้จักตัวเราเองมากขึ้น แต่อีกด้านหนึ่งก็ต้องปรับตัวให้เข้ากับการเรียนที่ญี่ปุ่น เนื่องจากระบบการศึกษาในมหาวิทยาลัยของญี่ปุ่นต่างจากไทย นักศึกษาจะต้องเรียนรู้เอง ขยันอ่านหนังสือให้มาก และการทำวิจัยที่ต้องนำเสนอผลงานวิจัยบ่อยครั้ง ซึ่งเป็นสิ่งที่ท้าทายและทำให้ฉันมีประสบการณ์ในการเรียนหนังสือที่ดีสำหรับสายงานทางด้านวิชาการ ทุนรัฐบาลญี่ปุ่นเป็นทุนที่ไม่มีข้อผูกพันใดๆ กลับมาแล้วสามารถเลือกอาชีพเองได้ ฉันรู้สึกประทับใจทุนนี้มากค่ะ”

ส่วนอีกท่านนึง คือ ดร.กฤษระ จิตมณี ปัจจุบันเป็นอาจารย์สอนวิชาเคมีวิเคราะห์ ที่ภาควิชาเคมี คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ อดีตนักเรียนทุนรัฐบาลญี่ปุ่นระดับปริญญาเอก / ระดับหลังปริญญาเอก ( Post-Doctoral ) สาขาเคมีวิเคราะห์ มหาวิทยาลัยโอคายามะ


     โดย ดร. ได้กล่าวว่า “ได้รับทุนรัฐบาลญี่ปุ่นโดยผ่านการแนะนำของอาจารย์ที่ปรึกษาขณะกำลังศึกษาอยู่ที่ญี่ปุ่น และโชคดีที่ได้เรียนต่อในระดับปริญญาเอกโดยมีอาจารย์ที่ปรึกษาเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านเคมีวิเคราะห์ผู้มีชื่อเสียงโด่งดังมากในสาขานี้ ด้วยการเอาใจใส่และการชี้แนะของอาจารย์ที่ปรึกษาประกอบกับความพร้อมของห้องปฏิการ อุปกรณ์เครื่องมือเครื่องใช้ต่างๆ ส่งผลให้สามารถทำงานได้อย่างสะดวกรวดเร็ว  จึงสนุกกับการเรียนที่นั่น แม้บางครั้งก็รู้สึกเหนื่อยเพราะต้องนำเสนอผลงานที่ทำผ่านมาแต่ละวัน ตอน 8 โมงเช้าของทุกวัน แต่ก็มีรุ่นพี่นักวิจัยที่เพิ่งจบปริญญาเอกทั้งชาวไทย ชาวญี่ปุ่นและชาวต่างชาติคอยให้คำแนะนำและเป็นกำลังใจ นอกจากนี้ ดร. กฤษณะได้มีโอกาสไปนำเสนอผลงานทางวิชาการตามสถานที่ต่างๆในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งจัดได้ว่าเป็นหนึ่งในประเทศแนวหน้าทางด้านวิชาการที่น่าสนใจต่อการไปทำวิจัยและศึกษาต่อ จากการที่ได้พบปะบุคคลมากมายทั้งนักวิจัยและผู้เชี่ยวชาญทางด้านเคมี ดร. กฤษณะจึงสามารถพัฒนาผลงานทางด้านวิชาการและการทำวิจัยได้อย่างต่อเนื่อง  ขณะเดียวกันก็ได้สัมผัสกับวัฒนธรรมญี่ปุ่นที่หลากหลาย และยังกล่าวอีกว่าการเรียนในต่างประเทศเป็นประสบการณ์ที่ดี ทำให้รู้จักอดทน พึ่งพาตนเอง และปรับตัวในการใช้ชีวิตที่ญี่ปุ่น ตอนไปเรียนที่ญี่ปุ่นระยะแรก ดร. กฤษณะติดขัดเรื่องภาษาญี่ปุ่นที่ต้องใช้สื่อสารกับคนญี่ปุ่นในชีวิตประจำวัน แต่เนื่องจากที่มหาวิทยาลัยมีนักเรียนไทยไปเรียนกันมากจึงได้ฝึกพูดและเรียนภาษาญี่ปุ่นจากรุ่นน้องคนไทยด้วยกัน ดร. กฤษณะได้พูดถึงความประทับใจต่อคนญี่ปุ่นและเมืองโอคายะมะ ซึ่งเป็นเมืองเล็กๆ ที่ค่าครองชีพไม่สูง การเดินทางสะดวกสบาย อาหารรสชาติถูกปากและมีให้เลือกหลากหลาย โดยเฉพาะคนที่ชอบรับประทานผัก ทั้งสดอร่อยและคุณภาพดี อีกทั้งคนญี่ปุ่นที่ได้พบล้วนใจดี มีน้ำใจ และเป็นมิตรง่ายรวมถึงพนักงานตามห้างร้านต่างๆที่บริการลูกค้าอย่างดีเยี่ยม สมกับคำว่า “ลูกค้าคือพระเจ้า” อาจารย์ยังได้เรียนรู้ว่า วัฒนธรรมการอยู่รวมกันของคนญี่ปุ่นที่ให้ความสำคัญต่อเครือญาติหรือ เพื่อนร่วมงาน ก่อให้เกิดการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ซึ่งมีลักษณะที่คล้ายคลึงกับสังคมไทย ทำให้อาจารย์สามารถปรับตัวและใช้ชีวิตในญี่ปุ่นได้อย่างสนุกสนาน ทุนรัฐบาลญี่ปุ่นดีมากเลยครับและไม่มีข้อผูกมัด ถ้ามีโอกาสผมอยากจะไปทำวิจัยที่ประเทศญี่ปุ่นอีก ผมชอบประเทศญี่ปุ่นมากครับ”

     ผู้ที่สนใจสามารถยื่นใบสมัครได้ด้วยตัวเองได้ที่ สถานกงสุลญี่ปุ่นฯ หรือส่งเอกสารทางไปรษณีย์ โดยเอกสารจะต้องส่งถึงก่อนวันที่ 19 มิถุนายน 2555 นะคะ

กำหนดการสอบข้อเขียน คือ วันอาทิตย์ที่ 15 กรกฎาคม 2555 ( สามารถเลือกสนามสอบได้ที่เชียงใหม่และกรุงเทพฯ ) สามารถดาวน์โหลดใบสมัครและรายละเอียดได้จากเว็บไซต์ของสถานกงสุลใหญ่ญี่ปุ่นฯ หรือ ดาวน์โหลดได้จาก link นี้ค่ะ http://www.th.emb-japan.go.jp/th/jis/study.htm

Relate Posts :