เที่ยวงานลอยกระทง จงระวังตัวให้ดี!

เทศกาลลอยกระทงในทุกๆปี ล้วนแล้วแต่เป็นเทศกาลแห่งความสุข สนุกสนานรื่นเริง ของทุกท่าน ผู้ใหญ่ต่างเฝ้ารอที่จะได้ลอยกระทง รอดูขบวนต่างๆที่ตกแต่งมาอย่างอลังการ ส่วนเด็กๆก็รอที่จะเล่นปะทัดกันตามประสาเด็ก แต่หาได้รู้ถึงภัยต่างๆที่จะตามไม่ วันนี้ รีวิวเชียงใหม่ มีข้อแนะนำดีๆ มาบอกต่อให้ทุกท่านได้ระมัดระวังกับอุบัติเหตุในช่วงเทศกาลลอยกระทงที่จะเกิดขึ้น ทำให้เสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินได้

อุบัติเหตุแรกที่คร่าชีวิตคนไทยไปนักต่อนักคือ อุบัติเหตุทางถนน จากข้อมูลของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พบว่าเดือนพฤศจิกายน เป็นช่วงที่เกิดอุบัติเหตุมากเป็นอันดับ 3 ของปีคือ 9,658 ครั้ง คร่าชีวิตคนไทยไปถึง 1,122 คน มากกว่าเดือนเมษายน ที่เป็นช่วงเทศกาลสงกรานต์เสียอีก สาเหตุส่วนใหญ่มาจากการที่มีผู้คนออกไปเที่ยวลอยกระทงกันเป็นจำนวนมากและอีกสาเหตุหนึ่งคือ การดื่มเหล้า

วิธีการป้องกันอุบัติเหตุ

1. ก่อนออกเดินทางควรตรวจสอบสภาพรถให้พร้อมใช้งานและเพิ่มความระมัดระวังในการขับขี่

2. ศึกษาสภาพเส้นทางก่อนออกเดินทางและไม่ควรขับรถเร็วเกินไป

3. ไม่ดื่มแล้วขับรถและปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด

4. คนที่ขับขี่รถจักรยานยนต์ไปเที่ยวงาน ต้องสวมหมวกกันน็อคทุกครั้ง

5. วิธีป้องกันที่ดีที่สุดคือ ไม่ต้องออกไปไหนหรือเที่ยวใกล้บ้านจะปลอดภัยที่สุด


นอกจากนี้ พลุ ดอกไม้ไฟ  ถือว่าเป็นของคู่กันกับเทศกาลลอยกระทง แต่ไม่ว่าปีไหนเราก็มักได้ยินข่าวคนบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากการถูกพลุดอกไม้ไฟระเบิดใส่ แต่ละปีมีคนเข้ารักษาในห้องฉุกเฉินกว่า 13,000 ราย โดยเฉพาะเด็กอายุ 10-14 ปี ปัญหาส่วนใหญ่เกิดจากการการเล่นอย่างไม่ถูกวิธี ไม่ระมัดระวังหรือเล่นตามลำพัง โดยปราศจากการควบคุมดูแลอย่างใกล้ชิดจากผู้ปกครอง การเล่นอย่างผาดโผน เช่น จุดดอกไม้ไฟใส่ฝูงชน หรือโยนดอกไม้ไฟใส่กันและการรู้เท่าไม่ถึงการณ์ โดยนำพลุ หรือดอกไม้ไฟเก็บไว้ในกระเป๋าเสื้อ หรือกางเกง นอกจากนี้ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บรุนแรงกว่า 30% คือ คนเมา

โทษที่ได้จากาการเล่นปะทัดคือ สารเคมีที่มีถึง 18 ชนิดในประทัด ก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกายได้หากมีการสัมผัสโดยตรงบริเวณผิวหนังหรือสูดดมเอาสารเคมีที่อยู่ในรูปของเหลว ผง ไอระเหย และควันพิษเข้าสู่ร่างกาย นอกจากนี้ ดอกไม้ไฟที่มีเสียงดังมากๆ ยังส่งผลกระทบต่อการได้ยิน เพราะดอกไม้ไฟชนิดที่ก่อให้เกิดเสียงดังทุกชนิด จะมีระดับเสียงกระแทกสูงกว่า 130 เดซิเบล เอ สูงกว่ามาตรฐานที่องค์การอนามัยโลกกำหนดไว้คือ 85 เดซิเบล เอ จะทำให้เกิดอาการหูตึงชั่วคราวและถ้าได้รับในช่วงเวลายาวนานจะทำให้หูตึงถาวรได้ สำหรับไฟเย็นจะมีความร้อนที่อุณหภูมิ 649-983 องศาเซลเซียส สามารถทำให้ผิวหนังไหม้ หรือตาบอดได้หากขาดความระมัดระวังที่ดี

วิธีการป้องกันอุบัติเหตุ

1.  ผู้ปกครองควรให้ความรู้แก่บุตรหลานเกี่ยวกับอันตรายของพลุและดูแลอย่างใกล้ชิด

2. ไม่ควรอยู่ใกล้ดอกไม้ไฟหรือพลุน้อยกว่า 10เมตร และไม่ควรยื่นหน้าหรืออวัยวะต่างๆ เข้าใกล้ดอกไม้ไฟที่จุดแล้ว หากดอกไม้ไฟดับไปก่อนที่จะระเบิด ไม่ควรจุดซ้ำในทันที ควรทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที

3. ไม่ควรจุดพลุใกล้สายไฟ หรือในอาคารบ้านเรือน เพราะจะทำให้เกิดเพลิงไหม้ บ้านเรือนได้รับความเสียหายได้

4. งดเว้นที่จะซื้อพลุ ดอกไม้ไฟ มาเล่นเอง

5. อย่าให้คนเมาถือประทัดหรือพลุเด็ดขาด

จมน้ำ  เป็นอีกอุบัติเหตุหนึ่งที่ควรต้องระมัดระวัง เพราะเป็นช่วงที่เด็กไทยเสี่ยงจมน้ำเสียชีวิตสูงสุดในรอบปี สถิติ 4-5 ปีที่ผ่านมา ในคืนวันลอยกระทงจะมีเด็กจมน้ำเสียชีวิตทันที 5 ศพ และในวันรุ่งขึ้นจะพบอีก 8 ศพ หรือเฉลี่ย 13 ศพ จาก 2 สาเหตุหลัก คือพลัดตกน้ำเพราะผู้คนเบียดเสียด และการลงน้ำไปเก็บเศษเงินในกระทง

วิธีการป้องกันอุบัติเหตุ

1. ควรพาเด็กไปลอยกระทงในสถานที่ปลอดภัย ตลิ่งต้องไม่สูงชันจนเกินไป หากมีการลงเรือต้องเตรียมเสื้อชูชีพให้พร้อมทุกครั้ง


2. ผู้ปกครองควรดูแลเด็กไม่ให้คลาดสายตา จูงมือเด็กให้แน่นและไม่ปล่อยเด็กให้ลอยกระทงเพียงลำพัง

3. หลีกเลี่ยงการพาเด็กเดินเล่นบริเวณริมน้ำเพราะมีผู้คนเบียดเสียด เสี่ยงต่อการตกน้ำ

4. กำชับเด็กไม่ให้ลงไปในน้ำเพื่อเก็บเงินในกระทง เพราะการแช่อยู่ในน้ำเย็นเป็นเวลานานๆ อาจทำให้เป็นตะคริว จมน้ำเสียชีวิต

อุบัติเหตุทางน้ำ  เนื่องจากในหลายๆที่ในคืนวันลอยกระทง มักจะมีผู้มาใช้บริการทางเรือมากกว่าปกติ ดังนั้นจึงควรต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ

วิธีการป้องกันอุบัติเหตุ

1. ผู้โดยสารควรเพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษ เมื่อจะขึ้นหรือลงเรือ ควรให้เรือจอดเทียบท่าเรียบร้อยเสียก่อน

2. ถ้ามีคนยืนรอ ลงเรือ อยู่บนโป๊ะเป็นจำนวนมาก ไม่ควรลงไปเสริมให้มากขึ้นอีก เพราะอาจทำให้โป๊ะล่มหรือพลิกได้

3.เรือทุกลำควรติดโคมไฟ เพื่อให้เรือลำอื่นเห็นได้ในระยะไกล และควรลดความเร็วลงเมื่อเข้าใกล้บริเวณที่มีประชาชนลอยกระทง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดคลื่นซึ่งก่อให้เกิดความเดือดร้อนต่อผู้อื่น

ท้ายนี้อยากจะฝากถึงทุกท่านว่า เทศกาลลอยกระทง  เป็นเทศกาลแห่งความสุขก็จริง แต่ถ้าหากเกิดความสูญเสียแล้ว ก็ไม่มีใครสามารถเรียกร้องกลับคืนมาได้ ดังนั้นทางที่ดีควรป้องกันไว้ก่อนจะดีที่สุด “ปีนี้เจ๋งก็ขอให้ทุกท่านสนุกกับเทศกาลลอยกระทง”

ขอขอบคุณข้อมูลจาก

http://www.thaihealth.or.th

http://board.narak.com/topic.php?No=302015

Relate Posts :