นิสัย 7 แบบของลูกน้องที่เจ้านายควรหลีกเลี่ยง

การรับใครสักคนมาทำงานเป็นเรื่องไม่ยาก แต่การให้ออกกลับไม่ง่าย ในทางกลับกัน ถ้าพิถีพิถันในการคัดเลือกคน ปัญหาการให้คนออกก็คงไม่เกิดขึ้นบ่อยๆ


ว่าที่จริงแล้ว ผมค่อนข้างจะยืดหยุ่นในการบริหารงานมาก ลูกน้องบอกว่าผมเป็นคนใจดีเลยทีเดียว แต่ใจดีมันไม่ใช่ข้อเท็จจริง ผลงานและการทำงานเป็นข้อเท็จจริง ซึ่งผมจะพูดและจะสอนเป็นอย่างมาก จนถ้าสุดท้ายก็ยังไม่ดีขึ้นก็ต้องจากลากัน ไม่ใช่ว่าเขาไม่ดี เพียงแต่เขาไม่เหมาะกับที่นี่


บริษัทนี้มีอายุเท่ากับลูกของผม คือแปดปีในปีนี้ แน่นอนผมรักมันเหมือนลูกเลยทีเดียว แปดปีนี้มันผ่านร้อนผ่านหนาวมาเยอะ พนักงานหมุนเวียนเข้าออกน่าจะถึงยี่สิบชีวิต ถึงวันนี้ไม่มีพนักงานรุ่นแรกเหลืออยู่เลย บางคนลาออก บางคนโดนไล่ออก บางคนโดนให้ออก

มาดูกันว่าบุคคลประเภทใดบ้าง ที่ต้องประสบกับปัญหาการโดนให้ออก (คือไม่ร้ายแรงขนาดต้องให้ออกทันที) โดยมากมีสาเหตุมาจาก

1. ไม่รักษาเวลา/ไม่ตรงต่อเวลา – งานของเราทำบ้านใครบ้านมัน ไม่มีคนคอยควบคุม คนที่ควบคุมตัวเองไม่ได้ รักษาเวลาไม่ได้ จะไม่สามารถทำงานนี้ได้เลย เพราะเขาจะผิดเวลาตลอด ทั้งกับลูกค้า กับทีมงาน ทุกคนต้องเสียเวลาไปเพราะคนแบบนี้
2. ขาดความรับผิดชอบ – แม้ในเรื่องง่ายๆ จะเห็นชัดเมื่อต้องทำงานร่วมกันเป็นทีมในโปรเจคบางอย่าง เพราะเมื่อหนึ่งคนหยุดหรือไม่ทำ ไม่ส่ง คนที่เหลือจะกระทบทันที เช่น หากเขามีหน้าที่ต้องส่งรูปให้ทีมตั้งแต่วันศุกร์ แต่ก็ไม่ทำ ทีมที่เหลือต้องตื่นแต่เช้าวันอาทิตย์เพื่อตามหารูปที่ว่านั้น ทั้งที่ถ้าเขาทำตามที่ควรทำก็จะไม่มีใครต้องเดือดร้อน แต่คนแบบนี้หาได้ใส่ใจไม่
3. อย่างอื่นมาก่อนงานไว้ทีหลัง – ไม่ได้เฉียดใกล้คำว่ามืออาชีพเลยแม้แต่น้อย คนแบบนี้ทำได้ทุกอย่างยกเว้นงานที่ต้องรับผิดชอบ พร้อมจะลาจะขาดไปทำกิจกรรมอะไรได้มากมาย คือเรื่องอื่นสำคัญหมดยกเว้นงาน แบบนี้ต้องขอลา
4. เน้นความรู้สึกไม่เน้นข้อเท็จจริง – เอาอารมณ์เข้าว่า ถ้ามีอารมณ์อยากทำก็จะขยันมากเลย ถ้าไม่มีอารมณ์ก็จะไม่ทำ แบบว่าศิลปินจัด เอาแน่เอานอนไม่ได้ ก็ต้องเชิญให้ไปทำอารมณ์ที่บ้านก็แล้วกัน ที่ทำงานคงไม่มีใครตามอารมณ์น้องทัน
5. ติดต่อยาก – เหตุเพราะทำงานที่บ้าน มันต้องติดต่อกันง่ายๆ เราเปิดกว้างให้คุณขนาดนี้ ก็ยังติดต่อไม่ได้ เดี๋ยวแบตหมด มือถือหาย คอมเสีย ปิดเครื่อง บลาๆๆๆ คือ ถ้าเขาอยากให้เราติดต่อตอนไหนเขาจะเปิดเอง โอเค มึงโลกส่วนตัวมากนักก็ไปอยู่ในโลกของมึงเลย มาสมัครงานทำไมวะเนี่ย
6. ไม่เรียนรู้ ไม่ใส่ใจพัฒนาความรู้ความสามารถ – โลกก้าวหน้า เราต้องก้าวทัน งานของเรามันเป็นงานเทคโนโลยี น้องทำงานมาไม่รู้กี่เดือนแล้วแต่ยังส่งเมลไม่คล่อง! มันมีอะไรผิดปกติแล้ว ส่งเมลทำไมมันยากจัง ทีเฟซบุ๊คเนี่ยเห็นอัพทั้งวัน เม้นสาวๆทั้งวัน มันยังไงกัน เรื่องอื่นๆที่ยากกว่านี้ไม่ต้องพูดถึง ไม่สนครับ มันไม่ร๊อค
7. ไม่ชอบแก้ไขแต่ชอบแก้ตัว – เวลาประชุมกัน ชี้แจงงาน ไอ่นี่ก็จะเงียบ เงียบนี่คือโคตรเงียบเลยนะ แบบไม่มีอะไรจะพูดเลย มาประชุมนะโว้ยไม่ได้มาอมสากกะเบือ เอาล่ะ เงียบไม่ว่า พอมีคอมเม้นส่วนงานของเขาก็อ้างนั่นนี่ ครั้งหน้ามาก็เหมือนเดิม ทำผิดเรื่องเดิมๆ ทำของหายเงี้ย เผลอลบไฟล์งานทิ้งเงี้ย โห สัส รูปแค่ไม่กี่เม็ก มึงก็รักษาไว้ไม่ได้ กูไม่รู้จะว่ายังไงละ เก็บคอมมึงไว้ดูหนังกับฟังเพลงเหอะ
เขียนขำๆฮาๆ แต่เป็นตามนั้นจริงนะ ใครจะรับเด็กใหม่เข้าทำงานอย่าลืมมองหาคุณสมบัติข้างต้นทั้งเจ็ดข้อ ถ้าพบแล้วอย่ามัวเสียเวลา ไล่แม่งไปไกลๆเลยนะครับ ผมพลาดมาแล้วเพราะใจร้อน
ขอให้ทำงานดีมีความสุขทุกท่าน ก่อนจบเอาคำคมของมืออาชีพมาฝาก ได้จากการฟัง TED Talks ทาง Youtube
People don’t buy WHAT you do it but they buy WHY you do it! – Simon Sinek, TedTalks
ขอบคุณข้อมูลจาก @itong2o

Relate Posts :