ร้าน : Chez Marco Restaurant and Bar
ที่อยู่ : 15/7 ถ.ลอยเคราะห์ ใกล้โรงแรมระมิงค์ลอร์ด
โทร. : 053-207 032, 084-364 7294
เว็บ : Facebook: Chez Marco Restaurant and Bar
หากจะกล่าวถึงอาหารประเภทอาหารยุโรปในจังหวัดเชียงใหม่ของเรา เชื่ออย่างแน่นอนว่า มีเยอะแยะมากมายกระจายอยู่ทั่วเมือง แต่จะมีสักกี่ร้านที่จำเพาะเจาะจงเป็นสไตล์ “เมดิเตอเรเนียน” ที่รสชาติอร่อย อาหารคุณภาพดี แถมยังมีรางวัลการันตีอย่างมากมาย นั่นคือ “Chez Marco”
Chez Marco แห่งนี้ แทรกตัวอยู่ในย่านที่เรียกได้ว่ามี “ฝรั่ง” หรือชาวต่างชาติมาท่องเที่ยวมากมาย บนถนนลอยเคราะห์ย่านที่เต็มไปด้วย ผับ บาร์ ร้านอาหารและโรงแรม ร้านอาหารแห่งนี้เป็นตึกแถว 2 ห้อง ไม่ใหญ่โตนัก ตกแต่งแบบเรียบง่ายแต่ดูอบอุ่นและมีสไตล์ ด้วยบรรยากาศโดยรวมที่ดูเป็นกันเอง มีทั้งโซนอินดอร์และเอาท์ดอร์ ให้ความรู้สึกสบายๆ ไม่เหมือนการไปนั่งรับประทานอาหารร้านหรูๆ และที่สำคัญเราจะได้พบเห็นเจ้าของร้านมาพูดคุย มาบริการ มาทักทายลูกค้าอยู่บ่อยๆ
แม้จะเป็นร้านเล็กๆ ในประเภท “Casual Dining” (ร้านสบายๆ แบบไม่เป็นทางการ) แต่อาหารที่นี่ถือว่าไม่ธรรมดา และคุณภาพ “ไม่เล็ก” เลย แต่ราคาสมเหตุสมผล ไม่แพงจนกระเป๋าฉีกหรือว่าไม่กล้าก้าวขาเข้าร้านอย่างแน่นอน ที่สำคัญเขาเลือกใช้แต่วัตถุดิบคุณภาพดี และพิถีพิถันในทุกขั้นตอนของการปรุง โดยหลักๆ จะเป็นฝีมือของคุณ Marco เจ้าของร้าน ผู้ซึ่งรักและหลงไหลในการทำอาหารเป็นอย่างมาก ทุกจานที่ปรุงนอกจากจะ “ใส่ใจ” แล้ว ยังใส่ “รอยยิ้ม” เข้าไปอีกด้วย ไม่เชื่อดูรอยยิ้มของเจ้าของร้านสิ !!
การบริการของพนักงานที่นี่จากที่เราสังเกตดู อาจจะไม่เนี๊ยบเป๊ะในระดับโรงแรมหรือร้านอาหารหรูๆ แต่ทุกรายละเอียดของการบริการนั้นแทบไม่ขาดตกบกพร่องอะไรเลย เอาใจใส่คอยดูแล เติมน้ำ แนะนำรายการอาหารต่างๆ ให้เราได้ทราบอย่างเต็มที่เลยทีเดียว
ก่อนจะชิมอาหารกัน เรามาทำความรู้จักกับอาหาร “เมดิเตอร์เรเนียนสไตล์” กันสักนิด อาหารในแบบนี้เป็นอาหารที่มีความหลากหลายวัฒนธรรมของประเทศในแถบเมดิเตอร์เรเนียนรวมเข้าด้วยกัน เน้นและใส่ใจในเรื่องของสุขภาพ โดยเฉพาะการใช้น้ำมันมะกอกเป็นส่วนประกอบหลักในการปรุงอาหาร มากกว่าที่จะใช้ครีมหรือนมที่ให้ความข้นมันในแบบอาหารฝรั่งเศสทั่วไป หรือถ้าจะให้ใช้ศัพท์ในภาษาของนักกินนักชิม คงต้องบอกว่า มีรสสัมผัสและรสชาติที่ “ไลท์” มากกว่านั่นเอง
ว่าแล้วเรามาลุยกันเลยดีกว่า ดูสิว่าวันนี้เราจะได้ลองชิมอะไรบ้าง จานแรกที่นำมาเสิร์ฟนี้มีชื่อว่า “Ox Tongue Beef Braise” หรือเรียกกันง่ายๆ ว่า “สตูว์ลิ้นวัว” ซึ่งขอบอกเลยว่าแตกต่างจากที่เคยกินมา น้ำราดมีรสชาติเป็นเอกลักษณ์มาก กลมกล่อมจริงๆ แต่ไฮไลท์ของจานนี้คือ “ความนุ่ม” ลิ้นวัวขนาดหนากำลังดี เคี่ยวจนนุ่ม ไม่มีความเหนียวมากวนใจ ทุกอย่างลงตัวมาก
“Chicken Fricassee Tarragon Creamy Sauce with Home Made Spaetzle” อกไก่ตุ๋นไวน์ขาว เสิร์ฟพร้อมโฮมเมดพาสต้า (Spaetzle) เป็นจานที่เราได้ชิมเป็นลำดับถัดมา จานนี้เป็นการผสมกันอย่างลงตัวของไก่และเส้น “ชเปทซ์เลอ” ซึ่งเจ้าเส้นชเปทซ์เลอนี้เป็นหนึ่งในเส้นพาสต้าที่มีความนิ่มกว่าเส้นพาสต้าทั่วไป ที่นี่เขาทำเส้นเองในสไตล์โฮมเมด ต้มเส้นให้สุกพอดีแล้วนำไปผัดกับเนยพอติดเกรียมนิดๆ เวลาเคี้ยวจะมีรสสัมผัสทั้งกรุบและนุ่มในคราวเดียว หอม มัน ทานคู่กับอกไก่ที่หั่นมาเป็นชิ้น ราดด้วยซอสไวน์ขาวที่มีความมันออกรสชาติครีม แต่ทานได้หมดจานแบบไม่เลี่ยน
ตามมาติดๆ ด้วยจานที่สาม ที่ทางทีมงานทุกคนลงความเห็นว่า “เป็นตับห่านที่อร่อยที่สุดเท่าที่เคยกินมาในเชียงใหม่” (จริงๆ) “Pan Fried Foie Gras with Honey Apple and Onion” จากที่เคยไปลองชิมหลายๆ ร้านมา ต้องขอบอกว่า ตับห่านของที่นี่รสชาติไม่แพ้ที่ไหนเลย ด้วยความนุ่มเป็นเอกลักษณ์ บวกกับตับที่ย่างสุกกำลังดีและไม่คาว เสิร์ฟคู่มากับแอปเปิ้ลและหอมหัวใหญ่ ซึ่งตัดรสชาติความเลี่ยนได้ดี ราดด้วยซอสน้ำผึ้งที่หอม หวาน ทำให้จานนี้เป็นเมนูที่ขายดีเป็นอันดับต้นๆ ของ Chez Marco เลยทีเดียว แอบกระซิบนิดหนึ่งว่า ราคาไม่แพงอย่างที่คิด ถ้าใครเคยทานที่อื่นๆ มา ที่นี่จานละ 375 บาท แต่ที่อื่นต้องมีไม่ต่ำกว่า 450 บาท หรือมากกว่านั้น จึงจะได้ลองลิ้มชิมรสอาหารหรูระดับโลกจานนี้ได้
สามจานที่ผ่านมา ขอบอกว่าทีมงานของเรารับประทานกันจนเกลี้ยงอย่างรวดเร็ว เนื่องจากรสชาติอร่อยมาก และกล้ารับประกันจริงๆ จนในที่สุดจานสุดท้ายที่เราจะรีวิวในวันนี้ก็ถูกนำมาเสิร์ฟลงตรงหน้า เป็นเมนูที่ทำเอาทีมงานของเราบางคนถึงกับฉงนในวิธีการรับประทาน เนื่องจากเป็นเนื้อสดๆ “Beef Carpaccio on salad with grilled vegetable and parmesan cheese” เนื้อสันในโคขุนชั้นดี ที่นำมาผ่านกรรมวิธีเก็บรักษาแบบปลอดเชื้อ สไลด์เป็นแผ่นบาง แม้จะสดแต่ก็รับประทานได้อย่างไร้กังวล เสิร์ฟมาพร้อมกับน้ำมันมะกอกและน้ำส้มสายชูบัลซามิคที่ให้กลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์ อมเปรี้ยวนิดๆ ทานพร้อมกับผักย่างและขนมปังโฮมเมด ตัดรสชาติด้วยความเค็ม มันของพาเมซานชีสที่สไลด์มาเป็นแผ่นบางๆ
ทานกันไปก็ได้แต่ร้อง “อื้อฮือ” ในความอร่อย สด และความนุ่มของเนื้อ ซึ่งเจ้าของร้านใจดี แนะนำว่าต้องทานคู่กับไวน์แดง จะทำให้รสชาติดีขึ้นและมีสุนทรีย์ในการกินเพิ่มขึ้น ว่าแล้วพี่นิ้มเจ้าของร้านใจดี ก็จัดแจงนำไวน์แดงชั้นดี มาเสิร์ฟให้กับทีมงานของเราด้วยตัวเอง งานนี้ทำเอาทีมงานรู้สึกประทับใจสุดๆ เพราะนอกจากอาหารดีๆ เรายังได้รับการบริการและไมตรีดีๆ กลับมาอีกด้วย
อิ่มหนำสำราญจนได้ที่ งานนี้ถ้าขาดของหวานก็จะกระไรอยู่ ทางร้านแนะนำ “Panna Cotta with Mango Sorbet with Strawberry Sauce” พันนาคอตตา ของหวานสไตล์อิตาลี ที่ทำมาจากครีมและนม ลักษณะคล้ายเต้าฮวย มีรสสัมผัสนุ่มลิ้น เสิร์ฟมาคู่กับไอศครีมมะม่วงที่รสชาติอมเปรี้ยว พร้อมกับมะม่วงสุกหั่นชิ้นพอคำ ราดด้วยซอสสตรอเบอรี่หวานฉ่ำ แนะนำว่าถ้าใครชอบของหวานไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง รสชาติทุกอย่างผสมผสานอย่างลงตัว เรียกว่าถ้าไม่เกรงใจ เราคงขอต่อถ้วยที่ 2 ถ้วยที่ 3 กันเลย
บทสรุปสำหรับคนที่ชอบรับประทานอาหารสไตล์ยุโรป หลากหลายนานาชนิด ตั้งแต่อาหารเบาๆ จนถึงอาหารอิ่มท้อง หรือจะจัดเต็มเป็นคอร์สตามแบบฉบับอาหารตะวันตก ต้องขอยกให้ที่นี่เลย รับรองว่ามาแล้วไม่ผิดหวัง นอกจากราคาและคุณภาพของอาหารที่ได้รีวิวมาตั้งแต่ต้น ร้านนี้ยังมีเครื่องหมายการันตีจากหลายสถาบัน ซึ่งเชื่อถือได้ เพราะไม่ใช่แค่สติกเกอร์ที่ใครมีเงินก็ซื้อมาติดได้ แต่นั่นหมายความถึงคุณภาพ มาตรฐานที่ดีในทุกๆ ด้าน โดยเฉพาะรางวัล “Thailand Best Restaurant” ของ Thailand Tatler 3 ปีซ้อน ขอบอกเลยว่า หาได้ยากมากใน จ.เชียงใหม่ เห็นอย่างนี้แล้วคงไม่ต้องบรรยายความอะไรให้มากไปกว่านี้ รีวิวเชียงใหม่ขอท้าให้คุณไปลองพิสูจน์กัน แล้วจะรู้ว่าทุกอย่างนั้นไม่เกินจริงเลย !!!!!
