หากจะเอ่ยถึงมานะ มานี ปิติ ชูใจ หลายคนคงคิดไปถึงตัวละครสุดคลาสสิคของหนังสือเรียนวิชาภาษาไทยในอดีต แต่หากไปถามเหล่านักดื่มนักท่องตระเวนราตรี ทุกคนคงตอบเป็นเสียงเดียวกันว่านี่คือชื่อของ ‘เครื่องดื่ม’ รสเยี่ยมที่มาแรงในโลกราตรี ซึ่งใครหลายคนอาจจะทราบว่าผู้ผลิตแหละจัดจำหน่ายเครื่องดื่มไวน์ข้าวนี้คือ พี่เหมา ธีรวุฒิ แก้วฟอง หนุ่มสุดฮิปพลังม้า ผู้มีชีวิตชีวาตลอดเวลา แต่ใครจะรู้ว่าอีกด้านหนึ่งของชีวิตเขาคือข้าราชการหนุ่มสุดเนี้ยบ ไปค้นพบกันว่า เขามีทัศนคติต่อทั้งสองอาชีพนี้อย่างไร ทั้งๆที่มันดูสุดแสนจะขัดกันราวกับขาวและดำ รวมถึงสำรวจที่มา ที่ไปของเครื่องดื่มชื่อสุดแสนจะอนุรักษ์นิยมนี้พร้อมกัน
พี่เหมา ปัจจุบันทำอะไรบ้าง
ปัจจุบันมี 2 อาชีพหลักๆครับ อาชีพแรกเนี่ยบางคนคนไม่ค่อยรู้ ก็คือรับราชการ ผมรับราชการที่เชียงใหม่มาตั้งแต่ ปี 2544 ตั้งแต่จบใหม่ๆอายุประมาณ 24 ปี ผมจบรัฐศาสตร์ มช. เพราะอยากรับราชการ อยากเป็นผู้ว่าอะไรประมาณนั้นแหละ ทำมาเรื่อยๆปีนี้ก็เข้าปีที่ 12 แล้วแต่ผู้ว่ายังไม่ได้เป็นนะ (ฮา) ส่วนอีกอาชีพที่เพิ่งมาเริ่มทำได้ 2 ปีที่แล้วก็คือผลิตและจำหน่ายไวน์ข้าว ยี่ห้อชูใจ ปิติ มานี มานะ คือโปรเจกต์นี้เปิดตัวชูใจก่อน เมื่อ 14 กุมภาพันธุ์ 2556 ต่อมาก็ปิติ เปิดตัววันที่ 14 กุมภาพันธุ์ 2557 และมานีเปิดตัวเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ทีแรกตั้งใจจะให้เปิดตัวทุกๆวันวาเลนไทน์ แต่คิดอีกทีก็กลัวช้าไป เพราะใช้เวลาตั้ง 4 ปี อยากให้มันจบเร็วๆ เพราะยังอยากทำอะไรใหม่ๆอีกเยอะ
เล่าสั้นๆเกี่ยวกับอาชีพรับราชการ
ทำงานในส่วนการบริหารของฝ่ายปกครองและเป็นส่วนหัวหน้าในการรับเสด็จพระบรมวงศานุวงศ์ จะได้ Co งานกับคนในวัง ค่อนข้างที่จะมี Connection มีพิธีรีตอง แล้วเราก็ต้องใส่เครื่องแบบเนี้ยบๆ ดุๆ แต่พอเลิกงานปุ๊ป มาทำชูใจ มันจะกลับกันจะเปลี่ยนเป็นอีกคนเลย จะเป็นแบบ… เอ้วววว (ทำเสียงร่าเริง) บ้าไปเลยดูเป็นคนสองบุคลิก
ได้ยินว่า พี่เหมา เคยพยายามลาออกจากราชการมาถึง 2 ครั้ง
ใช่ครับ บางทีเราก็จะมาถึงจุดที่คิดว่าอะไรคือชีวิต What is life ? ชีวิตคืออะไรกันแน่วะ เกิดคำถามที่แย้งกับตัวเอง ยิ่งต้องได้ทำงานในสิ่งที่เราไม่เชื่อ (หมายถึง อาชีพรับราชการ) แล้วต้องทำตามเพราะความเป็นข้าราชการของเรา คือมันมีอะไรย้อนแยงหลายๆอย่างที่ทำให้เรารู้สึกว่าสิ่งที่เรายึดมั่นบางทีมันก็สั่นคลอน จึงคิดอยากลาออกมาสองครั้งแต่ก็ไม่สำเร็จ (หัวเราะ) ครั้งแรกไม่กล้ายื่น ครั้งที่สองยื่นแล้วเค้าไม่ให้ออก
ในฐานะที่ผ่านโลกมาก็มาก ถ้าให้เลือกจริงๆ พี่เหมาชอบชีวิตด้านไหนมากกว่ากัน
คือต้องถามว่า ถ้าให้เลือกงานราชการ แล้วต้องโต ต้องย้าย ต้องให้สุดกับทางราชการกับให้ทำธุรกิจอยู่ที่เชียงใหม่แล้วเนี่ย คือผมไม่ได้เลือก ผมไม่ได้ให้คุณค่าของอาชีพทั้งสองเลย ผมเลือกทำอะไร ผมจะเลือกว่าผมได้ทำที่ไหนมากกว่า ที่ทำทุกวันนี้เหตุผลคือ
“ผมอยากอยู่เชียงใหม่ อยากอยู่บ้าน ไม่อยากไปไหนและอยากทำอะไรดีๆให้เชียงใหม่อีกเยอะ”
ถ้าอาชีพใดอาชีพหนึ่งทำให้ผมต้องจากบ้านไปผมก็จะตัดมันออกครับ แต่ตอนนี้ทั้งสองอย่างกำลังไปได้ดี ผมก็เลือกที่จะทำทั้งสองอย่างครับ
จุดกำเนิดของมานี ปิติ ชูใจ จนถึงการเริ่มทำธุรกิจขายไวน์ข้าว
คือเดิมเนี่ย ชูใจ มันเป็นสาโทที่เขาทำขายแถวบ้านแล้วเขาทำเถื่อนมาโดยตลอด แต่เขาทำเถื่อนแบบเจ๋งมากคือเอาไปประกวดงานประมาณโอท็อปแถวบ้าน เนื่องในโอกาสวันสงกรานต์แล้วมันดันชนะแต่ไม่กล้าขึ้นไปรับรางวัลเพราะกลัวโดนล่อซื้อ (หัวเราะ) เข้าใจอารมณ์ป่ะ?
แล้ววันดีคืนดีมันก็โดนจับ ผมคิดว่าโดนร้องเรียนแล้วเราก็รับราชการไง แม่ก็โทรมาบอกให้ไปเคลียร์ให้หน่อย ก็ไปช่วยเคลียร์ให้ ปรากฏว่าก็โดนอีกรอบ รอบที่สองเราก็เลยเคลียร์แบบมีเงื่อนไข คือบอกเขาว่าถ้าทำแบบนี้มันก็ไม่จบสักทีมันก็ต้องตามแก้ปัญหาตลอด จึงเสนอไปว่ามาทำให้ถูกต้องดีกว่า คนก็ถามทำยังไงล่ะ เราก็ขอเวลาไปศึกษาเลยดูระบบระเบียบมีอะไรบ้าง เราก็รับราชการอยู่แล้วไง สุดท้ายก็เข้าใจแจ่มแจ้งเลยรวมทุกคนจัดตั้งวิสาหกิจชุมชน ไปจดทะเบียน ไปขออนุญาตกรมสรรพสามิตทำตามขั้นตอนจนเขาให้เราผลิตได้อย่างถูกต้อง แล้วช่วงนั้นผมก็ชอบดื่มไวน์พอดี จึงคิดเอากรรมวิธีการผลิตไวน์ฝรั่งกับเหล้าน้ำขาวหรือสาโทบ้านนอกมาผสมผสานกัน คลอดออกมาเป็นชูใจเนี่ยแหละครับ จากนั้นก็มีเรื่องของการทำตลาด วางแผน Positioning Packgaging ของสินค้า
พี่เหมา ชื่นชอบการดื่มมาตั้งแต่เมื่อไหร่
ก็เริ่มกิน เริ่มไปเที่ยว ตอนนั้นไว้ผมยาวได้ไง ก็เริ่มกินมาเรื่อยๆจนหลังๆเริ่มกินเยอะ รู้สึกแฮงค์ ก็คิดว่าตับจะแข็งรึเปล่าวะ? เลยเปลี่ยนมาดื่มไวน์ก็ดีขึ้นจนชอบไปโดยปริยาย
สัมภาษณ์ที่ร้าน LVMC ถนนนิมมาน ซอย 7 เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2557
ได้ยินว่าช่วงหนึ่ง พี่เหมา เคยไปดูงานไวน์ที่ฝรั่งเศส
ไปเมื่อต้นปีครับ ไปที่เมืองบอร์กโดซ์ (Bordeaux) เป็นเมืองผลิตไวน์เลยนะ ผมอยากไปดูให้เห็นกับตาเพราะเราเอากรรมวิธีของเขามาทำอยู่แล้ว พอไปเห็นปุ๊ปก็มีความรู้สึกว่า Oh ! shit …. คือแบบว่า กูนี่ช่างกบในกะลา คือจริงๆเราก็รู้ว่ากรรมวิธีทำไวน์เป็นยังไง แต่ความมีพิธีรีตอง ความเคารพในสิ่งที่เขาทำมันมากกว่าเราเยอะ เขาเคารพดิน ฟ้า อากาศ พืช อย่างพวกเทคนิคการทำหรือเทคโนโลยีที่ใช้เนี่ยเราไปศึกษาได้ แต่พวกสิ่งที่มันเป็น Emotional มันสำคัญมากกว่ากันเยอะ คือเราต้องใส่ใจและทำให้ดีที่สุดครับ
ทำไมต้อง มานี ปิติ ชูใจ มีที่มาของชื่ออย่างไร
ที่มาจริงๆเราก็น่าจะรู้อยู่แล้วคือแบบเรียนสมัยก่อน เรื่องของเรื่องที่อยากใช้ชื่อพวกนี้มันก็มีหลายเหตุผลนะ หนึ่งคือว่ามันคืออดีตอันมีความสุขในช่วงวัยเด็กของผม ตอนเราเห็นแบบเรียนมานะ มานี ปิติ ชูใจ เห็นเหล้าชุมชนสมัยคุณปู่ คุณพ่อกินกันในงานลอยกระทง สงกรานต์ ปีใหม่ ปอยหลวง ก็เลยคิดว่ามันเหมือนเป็นสิ่งที่น่าจดจำ อีกอย่างเป็นเหตุผลทางการตลาดนั่นแหละ จำง่ายติดหู ส่วนภาพตัวละครที่ติดอยู่บนขวดก็มีการพัฒนา ถ้าเราเอาตัวละครจากในหนังสือมาเลยก็คงไม่ดี ไม่มีการพัฒนาแล้วอาจโดนลิขสิทธิ์ด้วย ผมก็เลยคิดว่ามานะ มานี มาถึงตอนนี้ก็คงจะโตแล้ว ก็จินตนาการว่าแต่ละตัวจะหน้าตาเป็นยังไง แล้วก็ไปขอน้องๆศิลปินท้องถิ่น ซึ่งก็ได้น้องเนตร เด็กวิจิตรศิลป์ มช.มาช่วยวาดสีน้ำให้ก็ตรงตามที่เราต้องการเลย
ความตั้งใจแรกเริ่มเกี่ยวกับธุรกิจนี้
จริงๆมันเริ่มตั้งแต่ตอนที่ผมยังรับราชการอย่างเดียว คือผมตัดสินใจอยู่แค่ C7 เพราะไม่อยากโดนย้ายไปที่อื่น อยากอยู่เชียงใหม่ แล้วถ้าผมตัดสินใจแบบนี้ก็แปลว่าต้องอยู่ขั้นนี้ไปตลอด รุ่นน้องใหม่ๆที่เข้ามาก็จะแซงหน้าไป ผมก็เลยคิดว่าจะทำยังไงกับชีวิตต่อดี มันคงไม่ใช่ละแบบนี้มันต้องทำอย่างอื่นไปด้วย นี่คือจุดเปลี่ยนความคิดผม ผมกลายเป็นคนที่มีโปรเจกต์เยอะมาก โปรเจกต์นี้คือความตั้งใจแรกเริ่มจริงๆ ไม่ใช่ว่าจะมาปั้นแต่งคำพูดสวยๆ อย่างเช่นเห็นสิ่งที่มีอยู่ในชุมชนก็เลยหยิบมันขึ้นมาซึ่งมันอาจจะจริง แต่จริงๆคือผมไม่มีอะไรจะทำกับราชการแล้ว แล้วก็ยังคิดจะทำอะไรอย่างอื่นอีกเยอะแยะเลย ซึ่งก็จะค่อยๆทยอยออกมา ฝากติดตามด้วยนะครับ! (หัวเราะ)
ส่วนตัวมีมุมมองอย่างไรในการขายและดื่ม
ก็เคยมีคนมาถามนะว่า ถ้าวันหนึ่งมีคนดื่มชูใจแล้วไปขับรถเสียชีวิตจะรู้สึกยังไง ก็คงจะเสียใจนะแต่ทุกวันนี้คนมันก็เมาแล้วชนกันตายอยู่แล้วรึเปล่า ผมก็เลยมานั่งคิดว่าความจริงแล้วมันอยู่ที่การรับรู้ของคนดื่มนะว่าได้มากน้อยแค่ไหน อย่างเวลาผมไปกินเหล้าเนี่ยต้องเอาแฟนไปด้วย ต้องให้เขาขับเพราะผมเมา (หัวเราะ) จริงอยู่เราอาจโดนสังคม โดนรัฐบาลหรือหน่วยงานราชการบอกว่ามันไม่ดี มันผิด แต่รัฐบาลก็เอาภาษีเหล้าไปใช้ประโยชน์เยอะแยะ ผมว่ามันแล้วแต่คนจะคิดนะ มันก็เป็นสีเทาๆแบบนี้แหละ
แบ่งเวลาอย่างไรกับชีวิตทั้งสองด้าน
ไม่แบ่งเลย เพราะผมคิดว่าคนเรามันแบ่งฟังก์ชั่นในหัวได้อยู่แล้ว เพราะวันดีคืนดี ผมทำงานราชการอยู่ก็มีคนโทรมาสั่งชูใจ 20 ลังหรือทำงานอยู่ก็มีคนติดต่อขอสัมภาษณ์จากเว็บรีวิวเชียงใหม่ ผมเชื่อว่าคนเราสามารถทำอะไรหลายๆอย่างในเวลาเดียวกันได้ ผมเลยไม่คิดว่ามันจำเป็นว่าต้องแบ่ง แต่เราต้องคิดว่าเราจะทำให้ยังไงให้ทั้งสองอย่างออกมาอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด ณ วันนี้ผมก็ยังไม่เห็นปัญหา
เล่าชีวิตสมัยก่อนหน่อย
ก็เป็นคนธรรมดา เป็นเด็กเชียงใหม่ โตที่เชียงใหม่ เรียนที่เชียงใหม่ ตอนประถมเรียนแถวบ้านนอกเมือง แต่พอขึ้นมัธยมเขาคงเห็นหน่วยก้านเลยจับมาเรียนในเมือง ชีวิตเหมือนกับว่าเราโตในสองสังคม สังคมแบบบ้านนอกปั่นจักรยานแบบในแฟนฉันเลย ไม่ใส่รองเท้า ใส่กางเกงนักเรียนสีน้ำตาล ปั่น แอ๊ดๆๆ (ทำเสียงเลียนจักรยาน) พออีกปีมากลายเป็นเด็กในเมืองเรียนที่ สาธิต มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เพื่อนกลายเป็นสังคมไฮโซ เรียนเก่ง แล้วเราก็ปรับตัวๆ ผมก็เลยโตมาในสังคม 2 แบบกลับบ้านทีก็ไปพูดเมือง ชนกว่าง กลับเข้ามาในเมืองก็ไปเล่นเกมส์บอยอะไรแบบนี้
คิดว่าตัวตนเราจริงๆเปรียบเหมือนสิ่งใดระหว่างงานราชการ / ขายเหล้า
ถามว่าตัวเองไปทางไหนมากกว่ากันเหรอ ผมว่าแล้วแต่อารมณ์นะ อย่างบางทีผมก็ข้าราชการจ๋า แต่อย่างตอนนี้ที่ผมให้สัมภาษณ์อยู่ผมไม่รู้สึกเลยว่าตัวเองเป็นข้าราชการ ผมรู้สึกว่าผมเป็นคนเชียงใหม่ธรรมดาที่มี activities เต็มไปหมด แล้วก็มีสังคมที่หลากหลาย แต่เดี๋ยวหลังจากนี้ผมต้องไปเลี้ยงเกษียณ ผมก็ต้องกลายไปเป็นข้าราชการ ดังนั้นผมก็เป็นได้ทุกแบบแหละครับ อยู่ที่ว่าตอนนั้นผมต้องเล่นบทบาทไหน
บอกความพิเศษของ มานี ปิติ ชูใจ แต่ละตัวหน่อย
ผมทำตามหลักของ George Lucas (ผู้กำกับหนัง Star Wars) คือเรียงลำดับหลังไปหน้า จริงๆแล้วมันคือ มานะ มานี ปิติ ชูใจ แต่ผมทำชูใจ ปิติ มานี มานะ ที่เอาชูใจขึ้นก่อนเพราะอยากให้มันเป็นตัวออริจินัล รสชาติจะเป็นไวน์ข้าวจริงๆเลย จากนั้นก็เปิดตัวที่สองคือปิติ ตัวนี้จะพิเศษตรงที่ใส่ใบชาลงไป (แถวบ้านเรียกใบเมี่ยง) เพราะผมต้องการ Tanin ให้มันดูมี Texture และให้รสชาติเฝื่อนๆ ที่เพดานปากและที่สำคัญใบชามีคุณสมบัติในการดูดกลิ่น ตัวนี้จึงมีกลิ่นหอมของใบชา หลังจากนั้นก็เป็นมานี ตัวนี้จะใช้ดอกไม้ มีดอกมะลิ กระเจี๊ยบผสมลงไปเหมาะสำหรับคุณสุภาพสตรี หลักการก็เหมือนกับปิติ แต่ให้ความแรงของแอลกอฮอล์น้อยกว่า ผมเข้าใจว่าดอกกระเจี๊ยบน่าจะไปดูดซับแอลกอฮอล์ ทำให้มันเบา มัน Light มาก แรกๆก็คิดว่าคงไม่ Work แต่สุดท้ายมันก็เป็นคาแรกเตอร์อีกแบบหนึ่งนะ ดังนั้นมานีจะเป็นตัวที่แอลกอฮอล์น้อยที่สุดในซีรี่ย์ คือ 8 ดีกรี ส่วนปิติ จะมี 10 ดีกรี ชูใจจะมี 11 ดีกรี
เมื่อมองชีวิตอีกด้าน พี่เหมา กลัวมั้ยที่สิ่งเหล่านี้จะมีผลกระทบต่ออาชีพราชการ
ไม่ครับ ไม่เลย เพราะมันก็เป็นอาชีพสุจริต ถ้าผมไปขายเหล้าเถื่อนอันนั้นก็ว่าไปอย่าง แต่ว่าผมมาทำตรงนี้ ก็ไม่ได้ทำให้งานราชการขาดตกบกพร่อง ในขณะเดียวกันผมกลับมองว่ามันทำให้ข้าราชการคนหนึ่งได้ไปเรียนรู้ ไปเห็นในเรื่องอื่นๆนอกตัว มันก็สามารถเอาประโยชน์จากสิ่งนั้นกลับมาใช้ในงานได้อีกนะ อย่างตอนนี้ผมมองเรื่องงานราชการเปลี่ยนไป ผมมองเรื่องกำไรขาดทุนมากขึ้น ก่อนหน้านั้นผมใช้งบประมาณ ผมไม่สนเลยว่ามันจะเป็นยังไง เพราะมันเป็นเงินภาษี แต่ตอนนี้ผมกลับมีความรู้สึกว่าตรงนี้ทำไปก็ไม่มีประโยชน์ เอาเงินไปทำอย่างอื่นดีกว่าไหม เมื่อก่อนไม่เคยคิด แต่ตอนนี้คิดครับ
คิดว่าคุ้มหรือยังกับชีวิตตอนนี้และตรงนี้
คุ้มครับ คุ้มมาก เหนื่อยขึ้น ยุ่งขึ้นแต่ก็รู้สึกดีกว่าทำตัวว่าง เพราะถ้าว่างจะรู้สึกโทษตัวเองทันที ว่าน่าจะทำอะไรได้มากกว่านี้ มีความรู้สึกว่าทัศนคติตรงนี้เปลี่ยนไปมาก คืออยากทำอะไร ทำ อย่างที่คนชอบพูด ให้ลงมือทำ จะได้ไม่ต้องมานั่งเสียดายว่าน่าจะทำอย่างนั้นอย่างงี้ ถ้าเราไม่รีบทำคนอื่นเขาก็ทำ ดังนั้นตอนนี้ผมอยากทำอะไรผมก็ทำ
มองตัวเองในบั้นปลายอย่างไร
ไม่บอก (หัวเราะ) แผนก็คืออยู่เชียงใหม่นี่แหล่ะ คือตอนนี้ก็ทำราชการ ผมมองชีวิตตัวเองใน 10 ปีข้างหน้าไว้แล้วและก็ตั้งใจจะทำไปให้ถึงตรงนั้นให้ได้ อยากให้รอดูเอง แต่คงอยู่ที่เชียงใหม่ อาจจะโดนไล่ออกจากราชการ หรืออาจจะขายชูใจขาดทุนก็ได้ เราไม่รู้ แต่ก็อยากทำอะไรให้เชียงใหม่อีกเยอะครับ
พี่เหมา ฝากอะไรถึงนักดื่มหน่อย
คนคงฝากอะไรไว้เยอะแล้ว พวกดื่มแล้วระวังอะไรแบบนี้ ผมขี้เกียจพูด ผมเอาเรื่องนี้ดีกว่า อยากให้มองว่าทุกวันนี้เจ้าของเหล้ามีไม่ถึง 100 แห่งในโลกนี้ อย่างเวลาเที่ยวกลางคืนไปตามผับ พวกนี้เขาจะถูกซื้อโดยบริษัทเหล้าไปแล้ว ดังนั้นเขาจะเสิร์ฟแค่ไม่กี่ยี่ห้อ หลักๆก็ 1 – 2 ยี่ห้อ เราโดนยัดเยียดให้บริโภคสิ่งที่เขาวางแผนทางการตลาดไว้เต็มไปหมด ชีวิตเราเต็มไปด้วยการตลาด เครื่องดื่มพวกนี้ก็เหมือนกัน ถ้าคิดว่าฉลาดเลือกอยากให้ลองมองว่ายังมียี่ห้ออื่นๆอีกเยอะ ลองเปิดใจดูบ้างท่านอาจติดใจ
มีคำคม หรือปรัชญา ในการดำเนินชีวิตหรือไม่
ไม่มีครับ คนเราไม่จำเป็นต้องไปหาคำคมนะ มันเหมือนเป็นการไปบีบตัวเองให้ต้องดำเนินชีวิตแนวใดแนวหนึ่ง ผมคิดว่าคนเราสามารถปรับเปลี่ยนชีวิตได้ทุกเมื่อ สามปีที่แล้วถามว่าผมจะได้ทำเหล้ามั้ย ผมก็ไม่รู้ ผมเพิ่งมารู้ตอนหลัง ดังนั้นอนาคตผมก็ยังไม่รู้ว่าต้องทำอะไรอีก ไม่มีแนว ไม่มีคำคม ครับผม!
ดังเช่นพี่เหมาฝากกับเราไว้ ชีวิตไม่จำเป็นต้องมีด้านเดียวเสมอไป เพราะชีวิตสามารถเรียนรู้ได้จากหลายทาง เวลาไม่เคยรีรอใคร หากอยากทำสิ่งใดควรรีบทำ อย่ามัวสนใจคำคน เพราะไม่ว่าเราจะทำสิ่งใด ก็ย่อมจะมีคนตัดสินว่าผิดหรือถูกเสมอ ทางที่ดีคือให้เราเชื่อมั่นในสิ่งที่เราทำและทำมันให้ดีที่สุด เมื่อนั้นผลที่เราทำก็จะเป็นตัวสะท้อนและตัดสินในตัวของมันให้เอง