สัพเพเหระกับหูเหล็ก “เพื่อนเก่า จะหาย เก่า เมื่อเราเจอกันใหม่”

กลับบ้านปีใหม่ไปทำอะไร? นั่นนะซิ เรากลับไปทำอะไร?
กลับไปหาครอบครัว ไปหาเพื่อนในสมัยเก่าตั้งแต่กระโปรงบานขาสั้น ไปทำบุญตักบาตรที่บ้าน ไปเยี่ยมญาติผู้ใหญ่ หรือไปสังสรรค์ชนิดเมาเละหัวทิ่ม
สำหรับผม เนื่องจากไม่ได้กลับไปบ้านหลายปีในช่วงปีใหม่ นานๆทีจะได้มาแบบนี้ ว่าแล้วก็เลยมีการนัดแนะเพื่อนฝูงกันตั้งแต่สมัยประถมยันมัธยมแถวบ้านให้มาสังสรรค์ พบปะพูดคุยกัน ถามสารทุกข์สุขดิบว่าเป็นไงมาไง แต่ล่ะคนไปทำอะไรที่ไหนบ้าง
ด้วยความที่ชาตินึงจะได้เจอกัน ความมันส์ในการเสวนาในกลุ่มก็ทวีความสนุกกันไปตามเรื่องตามราว ยิ่งมาได้แอลกอฮอล์ช่วยในการเสวนา เวลานานไปก็ยิ่งสนุก ยิ่งมันส์เมื่อเล่าเรื่องกันสมัยเรียน
คนนู้นเล่าที คนนี้เล่าที สลับกันไป บางคนต่อให้ปัจจุบัน มันมีลูกมีเต้า มีหน้าที่การงานดี เป็นเจ้าคนนายคน แต่เมื่อมันกลับมาเจอกันในกลุ่มในแก๊งเพื่อนสมัยเมื่อตอนเด็ก นิสัยบางอย่างที่รู้จักกันในวัยนั้น มันยังหลงเลยให้ได้ขำกันอยู่ไม่เสื่อมคลาย
เพื่อนคนนี้อาจจะทำไร่ไถนา แต่ทว่ามันสามารถตบหัวทักทายเพื่อนที่เป็นระดับผู้จัดการได้ หรือเพื่อนที่เป็นครูสอนเด็ก บางครั้งอาจขอคำแนะนำในการใช้ชีวิตจากคนที่เรียนหนังสือไม่จบด้วยซ้ำ
จากการนั่งเสวนากับเพื่อนเก่าสมัยเรียนทำให้ผมได้เข้าใจว่า ไอ้ทั้งหมดทั้งมวลที่คุยกันมานี้ นี่แหละที่เขาพิสูจน์ว่ามันคือคือ “เพื่อน” เพื่อนที่ไม่สนว่ามึงจะเป็นอะไรในฐานะของสังคม แต่เพื่อนคือคนที่สามารถคุยกันได้ทุกเรื่อง อีกทั้งยังแนะนำชี้แจงกันในสิ่งที่ถูกที่ผิด ร่วมทุกข์ร่วมสุขกัน ต่อให้แตกต่างกันในหลายด้านก็ตาม
แต่มีสิ่งหนึ่งที่ไม่แตกต่างและห่างหายไปจากเดิมทุกครั้งที่กลับมาเจอกัน คือ “มิตรภาพ” อันแน่นแฟ้นที่ผูกพันกันตั้งแต่ทุกคนได้ตกลงกันไปแล้วว่าเราเป็น “เพื่อน”

Relate Posts :